จากประเด็นปัญหาชิปเซตขาดแคลน ส่งผลให้แอปเปิล (Apple) กำลังเจอปัญหาความต้องการ iPhone 13 ลดลง

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ในเวลานี้ ความต้องการ iPhone 13 สมาร์ทโฟนระดับเรือธงของแอปเปิลในหมู่ผู้บริโภคกำลังลดลง เนื่องจากผู้บริโภคตัดสินใจที่จะไม่รออุปกรณ์ที่หาซื้อได้ยากเช่นนี้อีกแล้ว ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า ผู้บริโภคอาจเลือกมองหาแบรนด์อื่นๆ ทดแทน

ขณะเดียวกัน การเกิดโควิดสายพันธ์ุโอไมครอน (Omicron) ทำให้เกิดความกังวลครั้งใหม่ในหมู่ผู้บริโภค จนทำให้ตัดสินใจที่จะไม่ซื้อ iPhone 13 ในปีนี้ แล้วเลือกที่จะรอไปซื้อในรุ่นใหม่อย่าง iPhone 14 แทน เป็นเพราะว่า iPhone 12 และ iPhone 13 มีการเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก อีกทั้งยังมีกระแสข่าวที่บอกว่า iPhone 14 จะเป็นการยกเครื่องการออกแบบใหม่ทั้งหมด

จากการที่ความต้องการใน iPhone 13 ลดลง ทำให้แอปเปิลได้แจ้งเรื่องนี้ไปยังซัพพลายเออร์เรียบร้อยแล้ว

ในช่วงก่อนการวางจำหน่าย iPhone 13 แอปเปิล เคยตั้งเป้ายอดขายสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงนี้เอาไว้มากถึง 90 ล้านเครื่องตลอดปี 2021 แต่ด้วยปัญหาชิปเซตขาดแคลนจึงทำให้แอปเปิล ปรับลดเป้าเหลือเพียง 80 ล้านเครื่องเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม แอปเปิล ตั้งใจว่าในปีหน้า จะควานหาวิธีการชดเชยยอดจำนวนเครื่องที่หายไป เพียงแต่ยังไม่แน่ชัดว่า แอปเปิลจะใช้วิธีการใดในการแก้ปัญหาเรื่องนี้

ทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแอปเปิล เคยออกมายอมรับว่า จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้กระทบกับฐานการผลิต ส่งผลให้แอปเปิล สูญเสียโอกาสในการทำยอดขายมากถึง 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดว่าจะได้รับผลกระทบต่อไปในไตรมาสนี้

แอปเปิล ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นที่มีต่อรายงานของบลูมเบิร์ก

ที่มา: Bloomberg

...