มาเร็ว มารวมตัวกัน นี่ไม่ใช่การเรียกมาเจอกันตัวเป็นๆ ในยุคโควิด-19 แต่มีจุดนัดพบกันในกลุ่มเฟซบุ๊ก หรือเฟซบุ๊ก กรุ๊ป (Facebook Group) ที่ตอนนี้ศิษย์ปัจจุบัน ศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยหลายแห่งเคลื่อนไหวกันคึกคัก จาก “มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และการฝากร้าน” “Silapakorn Online Market : ชีวิตสั้น ฝากร้านกันยาวๆ” จนถึง “จุฬาฯมาร์เก็ตเพลส”
เรียกได้ว่าในยุควิกฤติ มักจะมีความคิดใหม่เกิดขึ้น และเป็นทางออกสำหรับคนที่มีความพยายามได้เสมอ
เหมือนอย่างที่ “อาร์ม ปาณพล จันทรสุกรี” ศิษย์เก่าคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้จุดประกายและก่อตั้ง “จุฬาฯมาร์เก็ตเพลส” โดยมีเพื่อนและทีมงานบริษัทที่ทำธุรกิจเป็นอีเวนต์ ออแกไนเซอร์ ศิษย์เก่าจุฬาฯ ร่วมก่อตั้งและดูแลกรุ๊ป
...
จุดเริ่มจากที่ “อาร์ม” ซึ่งมีงานประจำที่บริษัทดิจิตอลเอเจนซี่ และมีธุรกิจรับจัดงาน หรืออีเวนต์ ออแกไนเซอร์ เจอสถานการณ์วิกฤติเช่นเดียวกับคนส่วนใหญ่ ที่การระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ทำให้ธุรกิจต้องหยุดชะงัก แน่นอนว่ากระทบกับรายได้ที่เคยได้รับ ต้องอยู่บ้านทำงาน และมีเวลาว่างมากขึ้น
"อาร์ม" เล่าว่า เมื่อบ่าย 3 โมงของวันที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา เกิดไอเดียก่อตั้งกรุ๊ปนี้ขึ้นมา หลังจากลองถามเพื่อนๆ ว่ามีใครสร้างกรุ๊ปแบบนี้แล้วหรือยัง เมื่อยังไม่มี ก็เริ่มลงมือทันที
“หลังจากกินอาหารกลางวันเสร็จแล้ว วันนั้นประมาณบ่าย 3 โมง คิดว่าน่าจะตั้งกรุ๊ปขึ้นมา พอสร้างกรุ๊ปแล้ว Invite เพื่อนๆ พอถึงช่วงค่ำ แค่หลัง 2 ทุ่ม มีสมาชิกประมาณ 5 พันคน พอตื่นเช้ามาเป็นหมื่น ซึ่งสิ่งที่ได้นอกจากการค้าขายในกลุ่มแล้ว ยังได้เห็นเพื่อนๆ ศิษย์เก่าได้มาเจอกันมาคุยกัน Update ชีวิตกัน ที่สำคัญคือได้พลังงานบวก ส่งพลังงานดีๆ ถึงกันและกัน”
ผลที่ได้สำหรับสมาชิกที่เข้ามา หลายคนขายของได้สะดวกขึ้น อย่างเช่น ผลไม้ ที่ไม่สามารถขนส่งมาตลาดได้เหมือนเดิม ก็เปิดรับออเดอร์ส่งตรงถึงมือสมาชิกด้วยกันได้ เช่น ทุเรียน มะยงชิด มะม่วงน้ำดอกไม้ หรือ ร้านอาหาร ก็เดลิเวอรี่ได้
หลังสร้างกรุ๊ป จนถึงวันนี้ (18 เม.ย.) 8 วัน มีสมาชิกแล้วกว่า 181,000 ราย ส่วนใหญ่ของฐานสมาชิกอยู่ในพื้นที่กทม.และปริมณฑล 130,000 ราย มีจำนวนโพสต์รวมแล้วมากกว่า 36,000 โพสต์ หรือเฉลี่ยวันละ 4,500 โพสต์เลยทีเดียว
บทสรุปของการตั้งเฟซบุ๊ก กรุ๊ป “จุฬาฯมาร์เก็ตเพลส” ที่สร้างสรรค์มาถึงจุดนี้ และมีโอกาสไปต่อได้อีกหลังจากนี้ คือ
1.การสร้างกฎรัดกุมชัดเจน จากช่วงแรกกฎยังไม่เข้มมาก แต่ตอนนี้มี 9 ข้อ เพื่อกดรีพอร์ต หรือรายงานสมาชิกที่อาจมีการโพสต์ไม่เหมาะสม หรือป่วนในกรุ๊ป ใครเข้าเกณฑ์ ก็ถูกลบ หรือแบนถาวรได้
2.สำคัญกว่ากฎระเบียบ ยังต้องรณรงค์ ในเรื่องของวัฒนธรรมการอยู่ร่วมกัน เคารพสิ่งกันและกัน
3.ความน่าเชื่อถือในการโพสต์ขายสินค้า ที่ทีมงานมีการคัดกรองอย่างเต็มที่
4.ต้องมีความสร้างสรรค์ ในการดูแลเนื้อหา และบรรยากาศในกรุ๊ปให้น่าสนใจ อย่างเช่น มีไลฟ์พูดคุยกันบ้าง
5.เป็นเครือข่ายที่รู้จักกัน เพราะที่มาของสมาชิกกรุ๊ป เช่น เป็นศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่บุคลากรของสถาบัน ทำให้รู้ว่าใครเป็นเพื่อนใคร ของที่นำมาเสนอ หรือโพสต์ขาย จึงมีความวางใจกันได้ระดับหนึ่ง
6.สำคัญที่สุด คือจุดเริ่มต้น ที่ “อาร์ม” ย้ำว่าต้องสู้ และไม่ยอมแพ้ แบบวิ่งสู้ฟัด ทะลุทะลวง แล้วจะเจอทางออกท่ามกลางวิกฤติ แม้จะไม่เคยทำมาก่อน ไม่มีประสบการณ์มาก่อน ก็ถามคนที่รู้ ลองทำไปเรียนรู้ไป ไม่หยุดอยู่เฉยๆ ก็ทำให้เราทำออกมาได้ในที่สุด
...
เหมือนอย่างขณะนี้นอกจากเฟซบุ๊ก กรุ๊ป “จุฬาฯมาร์เก็ตเพลส” ยังมีอีกหลายสถาบันที่มีกรุ๊ปของสมาชิกสถาบันตัวเอง ที่ “อาร์ม” ได้คุยหารือกันด้วย อย่างของชาวเหลืองแดง คือ “มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และการฝากร้าน” ที่สร้างเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2563 และมีการถูกบอกต่อแนะนำกันอย่างรวดเร็ว โดยศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ ผู้สร้างกรุ๊ปแปลงมาจากการใช้ชื่อดั้งเดิมของมหาวิทยาลัยคือ “ธรรมศาสตร์และการเมือง” จนมีสมาชิกเพิ่มขึ้นสูงในเวลาอันรวดเร็วทะลุหลักแสนในเวลาไม่กี่วัน
กลายเป็นแหล่งพูดคุยของศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบันกันอย่างคึกคัก แนะนำตัว แนะนำสินค้า ตั้งแต่งู ไปจนถึงดอกไม้ อาหารการกิน มีหัวข้อที่นิยมโพสต์กัน เช่น แฟชั่นเสื้อผ้า เครื่องประดับ ผลหมากรากไม้ สายมูเตลู ไปจนถึง บอกบุญ และรำลึกความหลัง
...
ส่วนของน้องๆ พี่ๆ ชาวศิลปากร ก็มีกรุ๊ปชื่อ “Silapakorn Online Market : ชีวิตสั้น ฝากร้านกันยาวๆ” ที่สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 13 เม.ย. และยังมี “3 พระจอมฯ มาร์เก็ตเพลส” เป็นต้น
จากระดับรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัย ขณะนี้น้องๆ ในกลุ่มโรงเรียนมัธยม ก็กำลังสร้างกรุ๊ปของสถาบันตัวเองด้วยเช่นกัน
นี่คือพลังความพยายาม ไม่ยอมแพ้ โดยใช้โซเชียลมีเดียให้เป็นประโยชน์ ทำให้หลายคนมีทางออกท่ามกลางวิกฤติในเวลานี้