หลายคนคงเคยได้รับสายโทรศัพท์กวนใจ เช่น ประกันภัย สินเชื่อหรือบัตรเครดิต การดาวน์โหลดแอปพลิเคชันแจ้งหมายเลขโทรศัพท์ หรือ caller ID ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อเท็จจริงที่หลายคนยังไม่รู้เกี่ยวกับแอปฯที่ว่า ลองไปดูกันว่าเราจะใช้ประโยชน์จากแอปบล็อกเบอร์ได้อย่างไร
1. ฟรี !
คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่าแอปพลิเคชันบล็อกเบอร์โทรหรือแอปแจ้งหมายเลขโทรศัพท์ (Caller ID) มีค่าบริการเพิ่ม แต่ความจริงนั้น แอปพลิเคชันไม่มีการคิดเงินเพิ่มจากที่ผู้ใช้ จ่ายให้กับบริการแพ็กเกจที่ใช้อยู่ แต่หากผู้ใช้งานไม่ได้เปิดการใช้งานอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว อาจต้องสมัครบริการอินเทอร์เน็ตเพิ่ม เพราะบริการดังกล่าวต้องใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อรายงานข้อมูลของหมายเลขที่โทรเข้าแบบ Real-time
นอกจากนี้ ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจาก Google play ได้ฟรี แบบไม่เสียค่าบริการ เพื่อใช้งานบล็อกหมายเลขที่ไม่พึงประสงค์หรือเพื่อรับรายงานข้อมูลเกี่ยวกับหมายเลขโทรศัพท์ที่ได้รับ เช่น หมายเลขสแปม หมายเลขปลอดภัย เป็นต้น
2. ไม่ได้รายงานเฉพาะเบอร์โทรศัพท์เท่านั้น
เดี๋ยวนี้แอปพลิเคชันบล็อกเบอร์ ไม่ได้รายงานได้เฉพาะเบอร์โทรศัพท์เท่านั้น แต่ยังรายงานที่อยู่ของเบอร์ดังกล่าวได้อีกด้วย แต่ด้วยข้อจำกัดของความเป็นส่วนตัว ที่อยู่ดังกล่าวจึงจำกัดเฉพาะสถานที่สำคัญ เช่น สถานที่ราชการ โรงพยาบาล ร้านค้า สถานประกอบการเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากได้รับโทรศัพท์จากสถานที่ดังกล่าวแล้วผู้ใช้งานสามารถรู้ที่อยู่ได้ทันทีก็เป็นประโยชน์ไม่น้อย
ยกตัวอย่าง เช่น เมื่อผู้ใช้งานได้รับโทรศัพท์แจ้งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวจากโรงพยาบาล นอกจากหน้าจอจะแสดงชื่อโรงพยาบาลแล้ว ยังแสดงที่อยู่ของโรงพยาบาลดังกล่าวอีกด้วย เรียกได้ว่าเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานในทุกสถานการณ์จริงๆ
3. ผู้ใช้งานเป็นคนสำคัญในการเพิ่มข้อมูลเบอร์โทรศัพท์
ข้อนี้คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดกัน ว่าหน้าที่ใส่เบอร์เข้าไปในระบบเพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้งานเป็นของตัวแอปพลิเคชัน แต่ความจริงนั้น เพื่อความยั่งยืนและหลากหลายของข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ ผู้ใช้งานเป็นส่วนสำคัญในการแบ่งปันข้อมูลดังกล่าว ลองคิดดูว่า ผู้ใช้งานจำนวน 10,000 คน รายงานเบอร์สแปมจากบริษัทประกันภัย บัตรเครดิต คนละหนึ่งหมายเลข ย่อมได้ข้อมูลที่หลากหลายมากกว่า นอกจากนี้ เมื่อผู้ใช้งานรายงานเบอร์เดียวกันเป็นจำนวนมาก ยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือว่าเบอร์ดังกล่าวเป็นเบอร์สแปมจริง อีกด้วย
เมื่อผู้ใช้งานได้รับเบอร์ดังกล่าว หน้าต่างแจ้งเตือนจะแสดงประเภทของสแปมและจำนวนครั้งที่ถูกรายงาน เพียงเท่านี้ ผู้ใช้งานก็ไม่จำเป็นต้องรับโทรศัพท์ให้เสียเวลาแล้ว
4. ไม่ได้มีฟังก์ชันการใช้ บล็อกเบอร์ เพียงอย่างเดียว
เดี๋ยวนี้นอกจากบล็อกเบอร์แล้ว แอปพลิเคชันดังกล่าวยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น
Walkie Talkie - รายงานที่อยู่ Location ของคู่สนทนาแบบ real-time เรียกได้ว่า ถูกใจสาวๆ ที่อยากรู้ที่อยู่ของแฟนตัวเอง และหนุ่มๆก็ไม่ต้องโทรรายงานตลอดเวลาแล้วด้วย
Voice Guidance - แจ้งข้อมูลสายโทรเข้าผ่านเสียงพูด สามารถใช้ได้ขณะใส่หูฟังหรือผ่านลำโพงโทรศัพท์ ในขณะทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ออกกำลังกาย ขับรถ เรียกได้ว่า ไม่ต้องมองจอ ก็รู้ได้ว่าใครโทรมา
Battery and Memory saver - จัดระเบียบโทรศัพท์ด้วยการยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่และเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วของโทรศัพท์
Theme - ธีมที่หลากหลาย เพิ่มความน่าหลงใหลให้กับมือถือของคุณ
ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นฟีเจอร์ในแอปฯ Caller ID จากเกาหลี ที่มีชื่อว่า Whowho สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันดังกล่าวได้ ฟรี ! คลิก
5. ไม่ได้รายงานเฉพาะเบอร์สแปม (ประกัน ขายตรง บัตรเครดิต) เท่านั้น
นอกจากจะรายงานหมายเลขสแปมที่ผู้ใช้งานได้แชร์ไว้แล้ว แอปบล็อกเบอร์ยังรายงานข้อมูลเบอร์อื่นๆ ด้วย เช่น เบอร์สถานที่ราชการ เบอร์บริษัท ห้างสรรพสินค้าและร้านอาหารต่างๆ
นอกจากนี้ ทาง whowho ยังมีกิจกรรมให้ผู้ใช้งานร่วมสนุกชิงรางวัลสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท จำนวน 1 รางวัล หูฟัง AirPods จำนวน 2 รางวัล และบัตรของขวัญจาก Central department store, After You, Starbucks และ Tesco Lotus รวมทั้งสิ้น 100 รางวัล เพียงผู้ใช้งานแบ่งปันข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ที่ได้รับสาย ไม่ว่าจะเป็นหมายเลขสแปม หมายเลขหน่วยงานราชการ สถานประกอบการ ยกเว้นหมายเลขโทรศัพท์ส่วนบุคคล! ผู้ที่แบ่งปันมากที่สุด 100 ท่านจะได้รับรางวัลดังกล่าว สามารถร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 31 มีนาคม 2563
หากฟีเจอร์ต่างๆ ที่กล่าวมา เป็นสิ่งที่ผู้อ่านกำลังค้นหาอยู่ อย่าลืมไปโหลดแอปฯ Whowho มาใช้งานกันเยอะๆ กดดาวน์โหลด คลิก และที่สำคัญ อย่าลืมรายงานเบอร์โทรศัพท์ที่ได้รับสาย ผู้ใช้งานท่านอื่นจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ด้วย แล้วมาร่วมสร้างสังคม ปลอดสแปม ปราศจากความเครียด กัน!