เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา แอปเปิลได้เปิดตัว iOS 12 บนเวที WWDC 2018 ที่จัดขึ้นเพื่อนักพัฒนาทั่วโลก โดย iOS12 ที่ว่านี้ จะเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้งานอุปกรณ์เก่าๆ

iOS ตัวใหม่นี้มีจุดเด่นที่ผู้ใช้สามารถทำความเข้าใจและควบคุมเวลาที่ใช้ในการโต้ตอบกับอุปกรณ์ iOS ได้ ซึ่งมีทั้ง Activity Reports, App Limits รวมถึง "ห้ามรบกวน" และส่วนควบคุมการแจ้งเตือนแบบใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลูกค้าลดการขัดจังหวะและบริหารจัดการเวลาการใช้งานสำหรับตนเองและครอบครัว

เรื่องน่าสนใจ:

สรุปอย่างง่าย iOS 12 ที่เพิ่งเปิดตัว มีความสามารถอะไรใหม่?

และนี่คือเครื่องมือที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำความเข้าใจและควบคุมเวลาที่ใช้ไปกับแอปและเว็บไซต์ต่างๆ ได้ โดยสามารถบอกได้ว่าผู้ใช้หยิบ iPhone หรือ iPad ขึ้นมาบ่อยแค่ไหนในระหว่างวัน และได้รับการแจ้งเตือนมากน้อยแค่ไหน...

1. ห้ามรบกวน (Do Not Disturb)

ใน iOS 12 มีการปรับปรุงคุณสมบัติ "ห้ามรบกวน" ที่จะยกระดับเครื่องมือบริหารจัดการเวลาอันทรงพลังนี้ให้ดียิ่งขึ้น โดยการช่วยให้ผู้ใช้ไม่เสียสมาธิในช่วงเวลาต่างๆ เช่น ขณะอ่านหนังสือ อยู่ในห้องเรียน อยู่ในที่ประชุม หรือขณะทานอาหารเย็น และยังมีการเพิ่มโหมดห้ามรบกวนในเวลานอนที่จะช่วยให้ผู้ใช้นอนหลับในตอนกลางคืนได้ดียิ่งขึ้น โดยการหรี่แสงบนจอภาพ และซ่อนการแจ้งเตือนทั้งหมดบนหน้าจอล็อกจนกว่าจะเปิดดูในตอนเช้า นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกใหม่ในศูนย์ควบคุมสำหรับตั้งให้โหมดห้ามรบกวนสิ้นสุดลงโดยอัตโนมัติตามเวลาหรือสถานที่ที่กำหนดไว้ด้วย

...

2. การแจ้งเตือน (Notifications)

iOS 12 เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าสามารถควบคุมการแสดงข้อความแจ้งเตือนได้มากขึ้น เพื่อช่วยลดการขัดจังหวะ ไม่ว่าจะเป็นการปิดการแจ้งเตือนโดยสิ้นเชิง หรือให้ส่งการแจ้งเตือนไปยังศูนย์การแจ้งเตือนโดยตรง นอกจากนี้ Siri ยังฉลาดจนถึงขั้นที่สามารถเสนอแนะการตั้งค่าสำหรับการแจ้งเตือนได้อีกด้วย เช่น ให้แสดงแบบเงียบๆ หรือปิดเสียงเตือนโดยอิงจากการแจ้งเตือนที่ผู้ใช้โต้ตอบ และ iOS 12 ยังมีการจัดกลุ่มการแจ้งเตือน ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูและจัดการกับแจ้งเตือนหลายๆ อันพร้อมกันได้ง่ายขึ้นด้วย

3. Screen Time

Screen Time แสดงข้อมูลเชิงลึกที่จะช่วยให้ลูกค้าเข้าใจว่าตนเองใช้เวลาไปกับแอปและเว็บไซต์ต่างๆ โดยการสร้าง Activity Reports รายวันและรายสัปดาห์ที่จะแสดงเวลารวมที่คนคนหนึ่งใช้ไปในแต่ละแอป รวมถึงเวลาที่ใช้ไปกับแอปแต่ละหมวด จำนวนการแจ้งเตือนที่ได้รับ และความบ่อยในการหยิบ iPhone หรือ iPad ขึ้นมาใช้

เมื่อเข้าใจแล้วว่าตนเองโต้ตอบกับอุปกรณ์ iOS อย่างไร ผู้ใช้ก็สามารถควบคุมเวลาที่ใช้ไปในแต่ละแอป แต่ละเว็บไซต์ หรือแอปแต่ละหมวดได้ และยังมีคุณสมบัติ App Limits ที่ให้ลูกค้ากำหนดระยะเวลาสูงสุดในการใช้แต่ละแอปได้ โดยเครื่องจะแจ้งเตือนเมื่อใกล้หมดเวลาในการใช้แอปนั้นๆ

Screen Time เหมาะสำหรับสาวๆ หรือใครก็แล้วแต่ที่อยากทำความเข้าใจและบริหารจัดการเวลาในการใช้อุปกรณ์ให้ดียิ่งขึ้น และยิ่งเหมาะสำหรับเด็กๆ และครอบครัว เพราะผู้ปกครองสามารถเข้าดู Activity Reports ของเด็กจากอุปกรณ์ iOS ของตนเองได้เลยเพื่อทำความเข้าใจว่าเด็กๆ ใช้เวลาไปกับอะไร และยังสามารถจัดการและตั้ง App Limits ให้กับเด็กได้อีกด้วย

...

อ๋อ ลืมบอกไปว่า Screen Time ยังช่วยให้ผู้ปกครองสามารถกำหนดช่วงเวลาที่เด็กไม่สามารถใช้อุปกรณ์ iOS ได้อีกด้วย เช่น ในเวลานอน โดยในระหว่างช่วง Downtime เครื่องจะไม่แสดงการแจ้งเตือนจากแอป และจะมีป้ายสัญลักษณ์ปรากฏบนแอปเพื่อบอกว่าไม่อนุญาตให้ใช้งาน สะดวกสำหรับคุณพ่อ-คุณแม่ยุคนี้จริงๆ

ทั้งนี้ iOS12 สามารถอัพเดตได้ใน iPhone 5s - iPhone SE ขึ้นไป ส่วน iPad จะสามารถอัพเดตได้ใน iPad (5th generation), iPad Air, iPad Pro, iPad mini 2 ขึ้นไป แต่ตอนนี้ยังเปิดให้อัพเดตเฉพาะนักพัฒนาเท่านั้น ส่วนประชาชนทั่วไปอย่างเราคาดว่าจะเริ่มใช้ได้ช่วงสิ้นปีจ้า รอกันอีกนิดนะคะหนุ่มๆ สาวๆ.

...