กระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ ประกาศทดลองเปิดฟรีสไตล์ให้อากาศยานขนาดเล็กไร้คนขับ หรือโดรน (Drone) บินได้โดยอิสรเสรี โฉบเฉี่ยวเหนือหัวชาวบ้าน ในยามค่ำคืน รวมทั้งเหินหาวออกนอกสายตาของผู้ควบคุมได้ แบบไม่ผิดกฎหมาย เพื่อหวังหาจุดสมดุลในการใช้งานและกำกับดูแลในอนาคต

ทั้งนี้ ปัจจุบันโดรนถูกนำไปใช้ภายใต้เงื่อนไขจำกัด เนื่องจากหน่วยงานกำกับดูแลยังไม่แน่ใจ ว่าควรจะอนุญาตให้นำไปใช้งานได้ระดับใดอย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวล่าสุด แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการที่จะขับเคลื่อนและขยายการใช้งานโดรนให้ครอบคลุมและเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น

จึงได้ประกาศให้สามารถทดลองการบินได้โดยเสรีใน 10 เมือง ได้แก่ เมืองซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย, เมืองเรโน รัฐเนวาดา, เมืองบิสมาร์ก รัฐนอร์ทดาโกตา, เมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี, เมืองดูแรนท์ รัฐโอกลาโฮมา, เมืองเฮิร์นดอน รัฐเวอร์จิเนีย, เมืองโทพีกา รัฐแคนซัส,เมืองราลี รัฐนอร์ทแคโรไลนา, เมืองฟอร์ตเมเยอร์ส รัฐฟลอริดา และเมืองแฟร์แบงก์ รัฐอลาสกา

กระทรวงคมนาคมระบุการเปิดไฟเขียวให้โดรนสามารถบินเหนือศีรษะผู้คน บินได้ยามค่ำคืน ตลอดจนบินในระยะห่างไกลและพ้นจากสายตาผู้ควบคุมการบินนั้น จะทำให้โอกาสในการใช้งานเพิ่มมากขึ้นทันที ตั้งแต่การใช้ส่งอาหารยา หรือตรวจตรา สำรวจ ดูแลสาธารณูปโภค สิ่งก่อสร้างต่างๆ

ยกตัวอย่างในเมืองเรโน โดรนจะถูกใช้ในการขนส่งเครื่องกระตุ้นหัวใจผ่านการทำงานร่วมกับเบอร์โทร.ฉุกเฉิน 911 ส่วนในฟอร์ตเมเยอร์ส ฟลอริดา จะใช้โดรนในการสำรวจประชากรยุง

โดยกระทรวงคมนาคมสหรัฐฯเชื่อว่ายิ่งนำโดรนมาใช้ได้เต็มประสิทธิภาพเท่าใด สหรัฐอเมริกาก็จะได้เปรียบประเทศอื่นๆเร็วขึ้นเท่านั้น เพราะโดรนสามารถช่วยชีวิต สร้างงาน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้

...

และเชื่อว่าโดรนจะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ถึง 82,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (2.6 ล้านล้านบาท) และจะช่วยเพิ่มงานได้ถึง 100,000 ตำแหน่ง

ที่ทวีปแอฟริกา โดรนถูกใช้ในการขนส่งยาและเวชภัณฑ์ในประเทศรวันดา และเร็วๆนี้ กำลังขยายเข้าสู่ประเทศแทนซาเนีย โดยบริษัทที่ให้บริการดังกล่าว ชื่อซิปไลน์ Zipline เป็นสตาร์ตอัพในซิลิคอน วัลเลย์ ซึ่งต้องขยายบริการออกสู่ต่างประเทศ เนื่องจากมีกฎระเบียบที่ผ่อนคลายกว่าในสหรัฐฯ

การเปิดน่านฟ้าให้โดรนทดลองบินได้โดยอิสระใน 10 เมืองดังกล่าว จึงจะช่วยให้บริการโดรนเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของซิปไลน์ มีอนาคตที่สดใสขึ้นในประเทศบ้านเกิด.