สวัสดีอนาคต! หลายคนคงได้จับเล่นกันบ้างแล้ว (หมายถึงจับเฉยๆ เรื่องซื้อค่อยว่ากัน) กับฟีเจอร์ไหม่สแกนใบหน้า กล้องแสนเทพ และ Animoji ที่สดใสน่ารัก
กลับมาพบกันทุกวันพุธนะคะผู้อ่านทุกท่าน สำหรับคอลัมน์ แกะกล่องไอที by นางร้ายไอที เกริ่นนำไปแค่นั้น ท่านผู้อ่านก็น่าจะเดาได้แล้วว่าวันนี้นางร้ายจะมาแกะกล่องอะไร ใช่แล้ว! ... iPhone X สมาร์ทโฟนตัวใหม่จากแอปเปิล ที่มีราคาสูงที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ โดยเริ่มต้นที่ 40,500 บาท สำหรับตัว 64GB
จ่ายเงินแพงๆ ทั้งที จึงมีคำถามจากผู้อ่านหลายคนว่าจะคุ้มไหม มันมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ต่างกับรุ่นอื่นอย่างไร นางร้ายไอทีมีคำตอบให้แล้วจ้า...
1. มาพร้อมกับอุปกรณ์พื้นฐาน
นอกจากตัวเครื่องไอโฟน X แล้ว เมื่อเปิดกล่องมาจะเจอกับซองกระดาษที่ใส่คู่มือการใช้งานเบื้องต้น เข็มจิ้มถาดซิมและสติกเกอร์โลโก้ USB Power Adapter ขนาดปกติ, สาย Lightning ขนาด 1 เมตร, หูฟัง, และที่ขาดไม่ได้เลยคือ Lightning to 3.5 mm Headphone Jack Adapter ที่แถมมาพร้อมหูฟังด้วย
...
2. การออกแบบตัวเครื่อง
ดีไซน์ใหม่แบบกระจกและสแตนเลสสตีลทั้งหมด ให้ภาพเต็มหน้าจอ ซึ่งเป็นจอภาพ Super Retina ขนาด 5.8 นิ้ว แตกต่างจากไอโฟนรุ่นอื่นๆ ที่เคยมีมา เพราะถึงแม้ ไอโฟน 8 และ 8 Plus จะเป็นดีไซน์กระจก แต่ขอบยังเป็นอลูมิเนียม ส่วนไอโฟน X เป็นขอบสแตนเลสสตีลเกรดเดียวกับที่ใช้ทําเครื่องมือศัลยกรรม ให้ความแข็งแรง และเป็นรอยยากกว่า
3. แล้วจอภาพดีขึ้นยังไง?
ครั้งแรกกับแผงหน้าจอ OLED ในจอภาพ Super Retina HD ให้ความละเอียดและความสว่างสูง รองรับขอบเขตสีกว้าง ทำให้ผู้ใช้สามารถดูภาพยนตร์และรายการทีวีในรูปแบบ Dolby Vision และ HDR10 ได้ อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี True Tone ใช้เซนเซอร์ตรวจวัดแสงโดยรอบแบบ 6 ช่องสัญญาณที่ลํ้าหน้าเพื่อปรับไวท์บาลานซ์บนหน้าจอให้ตรงกับอุณหภูมิสีของแสงรอบๆ โดยที่คุณไม่รู้ตัว (เทคโนโลยีเดียวกับที่ใส่มาใน iPad Pro รุ่นล่าสุด)
4. ทำไมหน้าจอต้องมีรอยแหว่ง?
นอกจากดีไซน์ลูกแอปเปิ้ลแหว่ง ครั้งนี้ยังดีไซน์หน้าจอไอโฟนเท็นให้มีรอยแหว่งอีก แล้วรอยแหว่งนี้มีดียังไงนะ เรามีคำตอบ... เพราะรอยแหว่งนั้นเป็นจุดศูนย์รวมของเซนเซอร์ใหม่ๆ พร้อมระบบกล้องแบบ TrueDepth
5. ปลอดภัยอีกขั้น(?) ด้วย Face ID จุดขายใหม่ของแอปเปิล
อย่างที่เรารู้กันดีว่าเมื่อไอโฟน X ถอดเอา Touch ID ออกไป แล้วแทนที่ด้วย Face ID หรือระบบสแกนหน้า เพียงแค่มองที่ตัวเครื่องก็จะปลดล็อกอัตโนมัติ
ทั้งนี้เราลองเล่นแล้ว โดยส่วนตัวนางร้ายไอทีคิดว่า ระบบค่อนข้างเสถียรทีเดียว จดจำใบหน้าของเราได้ ไม่ว่าเราจะแต่งหน้า หรือไม่แต่ง สแกนได้แม้เราใส่แว่นกันแดด (เฉพาะแว่นกันแดดที่สีอ่อนๆ สามารถมองเห็นตาเราได้เท่านั้น) ที่นางร้ายเซอร์ไพรส์คือ...ตอนกลางคืนที่มืดสนิทก็ยังปลดล็อกได้ด้วย
แต่!!!...ในช่วงวันแรกๆ ที่เราลองใช้ ระบบอาจจะยังเรียนรู้หน้าเราได้ไม่ดีเท่าใดนัก ยังต้องใส่ Passcode เป็นบางครั้ง จากนั้นระบบก็จะจดจำหน้าเราได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จนพักหลังแทบไม่ต้องใส่ Passcode เลยจ้า
6. Animoji ไอคอนเลียนแบบใบหน้า
ครั้งแรกที่เห็น นางร้ายก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับฟังก์ชั่นนี้มาก แต่พอได้ทดลองใช้จริงๆ เฮ้ย... คุณขา มันน่ารักมาก เพราะมันสามารถจําลองการแสดงออกทางใบหน้า ที่เคลื่อนไหวได้ถึง 12 แบบ ไม่ว่าจะเป็น แพนด้า ม้ายูนิคอร์น กระต่าย หมี และมนุษย์ต่างดาว เป็นต้น
ปล. สามารเซฟและแชร์บนโซเชียลมีเดียได้ด้วยนะ เก๋ๆ
7. กล้องหน้าโหมด Portrait
หลังจากที่เรารอคอยมานาน ในที่สุดไอโฟนเท็นก็สามารถถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัด-หลังเบลอได้แล้ว อีกทั้งยังมี Portrait Lighting สร้างเอฟเฟ็กต์การจัดแสงได้สวยไม่แพ้กล้องหลังทีเดียว
8. กล้องก็ดีนะคะซิส
กล้องหลังคู่ความละเอียด 12 เมกะพิกเซล โดยกล้องมุมกว้างมีรูรับแสงขนาด ƒ/1.8 ส่วนกล้องเทเลโฟโต้มีรูรับแสงกว้างขึ้นเป็น ƒ/2.4 ออโต้โฟกัสในสภาพแสงน้อยได้เร็วขึ้น และถ่ายภาพ HDR ได้ ซูมแบบออปติคอลก็ได้
...
9. Portrait Lighting
มี 5 เอฟเฟ็กต์เก๋ๆ ให้เราได้ลองกัน ได้แก่
- แสงไฟธรรมชาติ: ใบหน้าของแบบที่คมชัดตัดกับฉากหลังที่เบลออย่างลงตัว
- แสงไฟสตูดิโอ: ภาพแนวสะอาดตาพร้อมใบหน้าตัวแบบที่สว่าง
- แสงไฟคอนทัวร์: รายละเอียดเงาคมชัดพร้อมไฮไลท์และโลว์ไลท์
- แสงไฟเวที: ใบหน้าของแบบจะสว่างเพียงจุดเดียวตัดกับฉากหลังที่มืดสนิท
- แสงไฟเวทีขาวดํา: เช่นเดียวกับแสงไฟเวที แต่มาในรูปแบบขาวดําสุดคลาสสิก
ไอโฟน X มี 2 สีให้เลือก ได้แก่ สีเทาสเปซเกรย์ และสีเงิน ในราคา 40,500 บาท สำหรับ 64GB และราคา 46,500 บาท สำหรับ 256GB
...
...
สำหรับความคิดเห็นส่วนตัว นางร้ายไอที คิดว่า...ขนาดของตัวเครื่องนั้นกำลังดี เพราะไม่ใหญ่กว่า iPhone 8 มากนัก จับถนัดมือสำหรับผู้หญิง ส่วนฟีเจอร์ใหม่อย่าง Face ID อาจเป็นเพราะช่วงแรกๆ ระบบยังจดจำใบหน้าของเราได้ไม่ดีเท่าที่ควร จึงทำให้ต้องใส่รหัสบ่อย
ส่วนหน้าจอที่มีรอบแหว่งนั้น...หากเราดูหนังหรือดูยูทูบแบบเต็มจอ จะมี 2 ฟังก์ชั่นให้เลือก ได้แก่ Original คือดูเป็นจอสี่เหลี่ยมธรรมดา หรือเลือก Zoomed to fill (ใช้ 2 นิ้วดึงขยาย) เพื่อให้ภาพเล่นเต็มพื้นที่ของหน้าจอ ซึ่งแน่นอนว่าจะเห็นส่วนที่เป็นรอยแหว่ง
หากเราพบอะไรเพิ่มเติมในเจ้าไอโฟนใหม่ตัวนี้ จะรีบนำมารายงานผู้อ่านทันที อย่าลืมติดตามกันนะจ๊ะ...