ในโลกปัจจุบันที่คนต้องการความสะดวกสบาย ไม่ต้องเดินตากแดด-ตากฝนไปโบกแท็กซี่ให้เสียเวลา บางคันโบกแล้วก็ไม่ยอมไป หาข้ออ้างสารพัด ทั้งเติมแก๊ส ไกลไม่อยากไป หรือดีไม่ดีก็ขอคิดราคาเหมา ครั้นจะไปขึ้นรถไฟฟ้า บางครั้งก็เกิดเหตุขัดข้องต้องหยุดให้บริการไปเสียดื้อๆ หรือบางทีเดินลงมาจากรถไฟฟ้าฝนก็ตกแบบไม่ดูเวลา ร่มก็ไม่ได้พกมาสักคัน แอปพลิเคชันเรียกแท็กซี่จึงมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เดินทางของคนเมืองได้อย่างดี

วันศุกร์ ฝนตกแบบนี้ ไทยรัฐออนไลน์ จึงรวบรวมและเปรียบเทียบผู้ใช้บริการแอปพลิเคชันเรียกแท็กซี่ที่ได้รับความนิยมที่สุด 3 เจ้ามาให้ชมกัน

1. UBER

ถึงแม้จะโดนมรสุมกระหน่ำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกฎหมาย หรือการคุกคามจากแท็กซี่ท้องถิ่น แต่ Uber ก็ยังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยสโลแกนของอูเบอร์ที่บอกว่า "เราไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร" ทำให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจว่าจะไม่โดนเท!

  • ฟีเจอร์ Flash ที่อูเบอร์เพิ่งปล่อยออกมาเมื่อเดือนมิถุนายนก็มีความเก๋ไก๋ตรงที่ ระบบจะเรียกรถคันที่ใกล้ที่สุดมาให้ (ความจริงฟีเจอร์นี้ Grab มีมาก่อนนานแล้ว) แต่อูเบอร์สู้ในแบบฟีเจอร์มาทีหลังด้วยราคา เพราะไม่ว่าจะเป็นรถธรรมดาแบบ UberX หรือรถใหญ่แบบ UberXL ก็จะคิดราคาขั้นต่ำตาม UberX เท่านั้น
  • สิทธิให้คะแนนซึ่งกันและกัน เป็นการให้คะแนนหลังจากใช้บริการ คนขับก็มีสิทธิให้คะแนนคนนั่ง คนนั่งก็ให้คะแนนคนขับได้ เป้นการสร้างชุมชนเครือข่ายผู้ใช้อูเบอร์ ซึ่งหากให้ถูกประเมินได้เกณฑ์ต่ำกว่ามาตรฐาน บริษัทอูเบอร์จะยกเลิกการใช้-ให้บริการของคนผู้นั้นทันที
  • Family-Profile หมัดเด็ดของอูเบอร์ เนื่องจากฟีเจอร์นี้สร้างความสะดวกแก่ผู้ที่มีญาติพี่น้องที่จำเป็นต้องใช้บริการรถแท็กซี่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุ หรือเด็ก ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะผู้ที่เป้นเจ้าของ Profile จะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด
  • ผู้ใช้งานสามารถแชร์บอกโลเคชั่นของตนเองได้จากฟีเจอร์ Share my trip ผ่าน sms อีเมล หรือแชตแอปฯต่างๆ ก็ได้

...

2. Grab Taxi

อีกหนึ่งแอปพลิเคชันที่ผู้ใช้งานทั้งหลายเลือกใช้ เนื่องจากว่าผู้บริโภคพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหากเรียกรถจากนอกเมือง จะเรียกรถได้ง่ายกว่าอูเบอร์ที่มักจะรวมตัวกันอยู่กลางใจเมืองเสียมากกว่า ที่สำคัญคือ แกร๊บยังได้ร่วมมือกับออล ไทย แท็กซี่ ในการเพิ่มจำนวนรถที่ให้บริการบนแพลตฟอร์มของแกร็บในกรุงเทพฯ อีกทั้งยังได้ขยายบริการไปยังแถบภาคอีสานแล้ว 

  • ฟีเจอร์เด่นคือ GrabChat แพลตฟอร์มสนทนาด่วนที่ไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม อาทิ ส่งข้อความถามคนขับว่า “คุณอยู่ใกล้ๆ นี้หรือเปล่า” เพื่อช่วยให้ผู้โดยสารสามารถประเมินเวลาในการมารับของคนขับได้
  • Grab Reward เปลี่ยนทุกการเดินทางของคุณ ให้เป็นคะแนน GrabRewards สะสมเพื่อแลกของรางวัล ทั้งการเดินทางฟรี, รหัสโปรโมชั่นลดราคา, และดีลเด็ดๆ จากแบรนด์พันธมิตร
  • GrabBike อันนี้เห็นทีว่าจะได้รับความนิยมจากคนเมืองมากกว่าแท็กซี่เสียอีก เพราะถนนในกรุงเทพฯ ขึ้นชื่อว่ารถติดที่สุด ดังนั้นการนั่งมอเตอร์ไซค์อาจตอบโจทย์คนบางกลุ่มมากที่สุด รวมถึงเรียกไปส่งของแทนแมสเซนเจอร์ก็ยังได้ 
  • GrabPay บริการชำระเงินออนไลน์ สะดวก รวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินสด

...

3. All Thai Taxi

พรีอุสสีเหลืองสดที่ให้ๆ ต่างก็อยากนั่ง แต่ยังไม่มีโอกาสเพราะรถผู้ให้บริการในกรุงเทพฯ มีน้อยเสียเหลือเกิน แต่เจ้านี้ขึ้นชื่อในเรื่องการให้บริการ ทั้งความสุภาพของคนขับและความรอบรู้เรื่องเส้นทาง ลูกค้าสามารถโบกเรียกได้หากพบเจอตามท้องถนนโดยไม่มีค่าธรรมเนียม ส่วนลูกค้าที่เรียกผ่านแอปพลิเคชันหรือระบบคอลเซ็นเตอร์จะมีค่าธรรมเนียม 40 บาท

  • ลูกค้ามั่นใจได้กับนโยบาย "ของหายได้คืน" ไม่ว่าจะลืมอะไรไว้บนรถก็ได้คืนอย่างแน่นอน
  • รถยนต์ระบบ Hybrid เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
  • มีบริการพิเศษ เช่น พนักงานขับรถที่เป็นสตรี หรือการให้บริการช่วยเหลือกรณีพิเศษ อาทิ ผู้สูงอายุต้องการไปโรงพยาบาล เป็นต้น

...

เพียงแค่ให้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริม ชีวิตของคุณก็จะสะดวกสบายมากขึ้น ที่เหลือก็เลือกเอาว่าชอบบริการของใคร ใช้เจ้าไหนแล้วสบายใจก็เอาเลยจ้า...