ฮือฮา วิจัยพบสมุนไพรพื้นบ้าน "ตงกัตอาลี" หรือ "ปลาไหลเผือก" สกัดทำยาปลุกเซ็กซ์ ช่วยเจ้าโลกเด้งปึ๋งปั๋งได้ ภายใน 15 นาที ฮิตในกลุ่มชายแดนใต้-ประเทศเพื่อนบ้าน จนปลูกกันแทบไม่ทัน นักวิจัยหวั่นพืชประจำถิ่นสูญพันธุ์เร็ว ด้านศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร เร่งรวบรวมองค์ความรู้ภูมิปัญญาแพทย์พื้นบ้านหลากแขนง

จากการประชุมวิชาการทางมานุษยวิทยา ครั้งที่ 12 อยู่ดี กินดี มีสุข มิติทางสังคมและวัฒนธรรมของสุขภาพ ณ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. นายพีรพน พิสณุพงศ์ ผอ.ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (ศมส.) กล่าวว่า ศมส.ได้จัดประชุมวิชาการดังกล่าวขึ้นระหว่างวันที่ 21-23 มิ.ย. เพื่อนำเสนอผลงานวิจัยที่นักวิชาการที่สะท้อนมุมมองเกี่ยวกับวิถีความเป็นคนที่จะส่งผลต่อการอยู่ดี มีสุข ของประชาชนมากกว่า 60 เรื่อง

โดยในการประชุมดังกล่าวตนได้พบงานวิจัยที่น่าสนใจ เรื่อง ปลาไหลเผือก : จากสมุนไพรป่าสู่ "ยา" ปลุกเซ็กซ์ ซึ่งนำเสนอโดยนายชัชชล อัจนากิตติ นักศึกษาปริญญาโทคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.)

...

นายพีรพน กล่าวต่อว่า งานวิจัยดังกล่าว พบว่า พืชสมุนไพรป่าชนิดนี้ คือ สมุนไพรปลาไหลเผือก เป็นที่ขึ้นชื่อในท้องถิ่นภาคใต้ของประเทศไทย มีชื่อว่า "ตงกัตอาลี" และได้รับความนิยมนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสมรรถภาพทางเพศ หรือ ยาปลุกเซ็กซ์ โดยมีวางจำหน่ายทั่วไปในท้องตลาดและเป็นที่นิยมในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้และในประเทศมาเลเซีย โดยสมุนไพรปลาไหลเผือก ถือว่าเป็นสมุนไพรหายากที่หมอพื้นบ้านนำมาใช้รักษาโรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ใช้รากมาต้มถ่ายพิษต่างๆ ถ่ายพิษไข้ แก้ไข้ รักษามาลาเรีย ความดันเลือดสูง อัมพาต รวมทั้งมีฤทธิ์กระตุ้นความรู้สึกทางเพศ ซึ่งเป็นการพิสูจน์ได้ว่า กระบวนการพัฒนาสมุนไพร ซึ่งเป็นศาสตร์โบราณ สามารถนำไปสู่กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่นำไปสู่พัฒนาให้เป็นยาปลุกเซ็กซ์ได้

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเรื่องวัฒนธรรมอาหารการกิน และยารักษาโรค ของคนได้เปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเฉพาะองค์ความรู้พื้นบ้านเกี่ยวกับยาสมุนไพรไทย ความเชื่อเกี่ยวกับการรักษาโรคทางใจ ตำรายาโบราณ การรักษา พิธีกรรมนั้น เกือบจะสูญหายไปจากวิถีชีวิต ดังนั้น ศมส. จึงเร่งรวบรวมองค์ความรู้ ภูมิปัญญาแพทย์พื้นบ้านทุกแขนงเอาไว้ เพื่อป้องกันการนำไปใช้ในทางที่ผิดเพี้ยนควบคู่ไปด้วย

ด้าน นายชัชชล กล่าวว่า ตนได้ทำวิจัยเชิงคุณภาพเรื่อง ปลาไหลเผือก : จากสมุนไพรป่าสู่ "ยา"ปลุกเซ็กซ์ โดยเก็บข้อมูลระหว่างเดือนธ.ค.2559-พ.ค. 2560 โดยใช้วิธีการสอบสัมภาษณ์จากพรานป่า หมอพื้นบ้าน ชาวบ้าน ในพื้นที่จังหวัดสงขลาและปัตตานี พบว่า สมุนไพรป่าปลาไหลเผือกในอดีตนั้น หมอแพทย์แผนไทยพื้นบ้านในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะนำรากมาต้มเพื่อดื่มแก้ไข้ หรือดองในน้ำผึ้ง เพื่อใช้บำรุงร่างกาย ที่สำคัญยังมีการค้นพบสารยูรีโคมาโนล (Eurycomanol) ที่ช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศชาย ช่วยให้เลือดลมหมุนเวียนดี

ปัจจุบันจึงมีการนำสมุนไพรป่าปลาไหลเผือก พัฒนาสกัดเป็นผลิตภัณฑ์แคปซูลยาปลุกเซ็กซ์เป็นจำนวนมาก มีสรรพคุณ เทียบชั้นเท่าไวอากร้า หรือเป็นกาแฟไว้สำหรับชงดื่มได้รับความนิยมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างมาก

นายชัชชล กล่าวต่อไปว่า ผู้วิจัยได้สอบถามกลุ่มชายที่ใช้สมุนไพรสกัดดังกล่าว พบว่า กลุ่มตัวอย่างบางส่วนระบุว่า ช่วยเสริมให้อวัยวะเพศแข็งตัวปึ๋งปั๋งได้ภายใน 15 นาที บางส่วนระบุว่า ทำให้เลือดลมเดินดีขึ้นทำให้สมรรถภาพทางเพศดีขึ้น

ส่วนกลุ่มตัวอย่างที่เป็นพรานป่า หมอพื้นบ้าน ชาวบ้าน ระบุว่า ปัจจุบันสมุนไพรป่าปลาไหลเผือกลดลงอย่างรวดเร็ว จากความต้องการบริโภคที่นำไปสกัดเป็นยาปลุกเซ็กซ์ ที่มีขายอย่างแพร่หลายตามเว็บไซต์ต่างๆ และในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ รวมถึงหาพืชสมุนไพรชนิดนี้ยากขึ้น โดยพรานป่า หมอพื้นบ้าน ชาวบ้าน แก้ปัญหาด้วยการนำมาเพาะในหมู่บ้านแทนก่อนที่จะสูญพันธุ์และหมดไปจากท้องถิ่นจากกระแสบริโภคนิยมดังกล่าว

“สิ่งที่ผมได้ศึกษาคือได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของพืชสมุนไพร่ป่า ว่า วิทยาศาสตร์ได้ช่วยให้เห็นถึงประโยชน์ แต่คนได้หยิบสรรพคุณที่มีมาแต่ดั้งเดิมมาที่ถูกถ่ายทอดจากภูมิปัญญาแพทย์พื้นบ้าน บางส่วนได้ถูกทำลายไป ส่งผลให้องค์ความรู้เกี่ยวกับพืชชนิดนี้ เปลี่ยนแปลงไปจนแทบไม่เหลือสรรพคุณอื่นๆ ที่คนควรจะเรียนรู้นำมาใช้ในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมได้ศึกษาจะเป็นเครื่องสะท้อนให้สังคมได้เห็นว่า การพัฒนาเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ลืมภูมิปัญญาและองค์ความรู้ดั้งเดิมด้วย” นักวิจัย กล่าว.