สาวกทุเรียนต้องระวัง กินมากเกินอาจส่งผลร้ายแรงต่อชีวิต โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคไต เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดหัวใจตีบ ระวังอาการกำเริบ

นพ.มณเฑียร คณาสวัสดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสิงห์บุรี เปิดเผยว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผลไม้รสหวานหลายชนิดมีผลผลิตออกสู่ท้องตลาด ทั้งเงาะ มังคุด ลำไย ลองกอง และโดยเฉพาะ ทุเรียน ซึ่งเป็นราชาของผลไม้ ที่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และเป็นแหล่งของคาร์โบไฮเดรต จึงทำให้ทุเรียน มีแป้งและน้ำตาลสูง

ขณะที่ กลุ่มผู้ป่วยเป็นโรคไต เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และหลอดเลือดหัวใจตีบ ต้องระมัดระวังในการรับประทานทุเรียนเป็นพิเศษ หากมากเกินไปอาจทำให้เสี่ยงอาการทรุดลงได้ เนื่องจากผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และหลอดเลือดหัวใจตีบ ต้องคุมระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด ควรรับประทานแต่พอเหมาะ และไม่ควรเกิน 1 เม็ดเล็กต่อวัน รวมทั้งมีโพแทสเซียมสูง ผู้ป่วยโรคไต ที่ไม่สามารถขับโพแทสเซียมส่วนเกินได้เท่าคนปกติ จึงควรเลี่ยง เพราะจะส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ

นายแพทย์มณเฑียร กล่าวอีกว่า ทุเรียน 1 เม็ด ให้พลังงาน 130 กิโลแคลอรี ประชาชนควรรับประทานไม่เกิน 2 เม็ดต่อวัน เพราะอาจส่งผลให้น้ำหนักเกิน มีอาการร้อนใน เจ็บคอ โดยบางรายนิยมรับประทานทุเรียนกับมังคุด เพราะมังคุด มีสารต้านการอักเสบ ช่วยแก้เรื่องร้อนใน และยังมีน้ำในปริมาณมาก และมีใยอาหารสูง แต่ไม่ควรรับประทานทุเรียนคู่กับลำไย เพราะในลำไย มีปริมาณน้ำตาลค่อนข้างสูง และให้พลังงานมาก อาจทำให้เกิดอาการร้อนในได้

นอกจากนี้ ควรควบคุมอาหารประเภทข้าว แป้ง ขนมหวานควบคู่ไปด้วย เช่น รับประทานทุเรียนแล้ว ไม่ต้องตามด้วยของหวานอื่น หรือลดข้าวให้น้อยลงในมื้อนั้น และไม่ควรรับประทานข้าวเหนียวทุเรียนบ่อย เนื่องจากมีความหวานมัน รวมทั้งการรับประทานพร้อมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างกายเกิดความร้อนสูงมากกว่าปกติ ทำให้ไม่สบายตัว อาจทำให้ร่างกายจะขาดน้ำอย่างรุนแรง ระดับเกลือแร่ในร่างกายผิดปกติ สมองทำงานไม่ดี นำไปสู่อาการไม่พึงประสงค์ เช่น อาการหน้าร้อนวูบวาบ สั่น ง่วงซึม อาเจียน คลื่นไส้ อันตรายถึงชีวิตได้

...