รู้สึกเสียใจ "แม่บ้าน" ยืนยันไม่ได้ตั้งใจวางยาเด็ก อ้างเข้าใจผิดคิดว่าน้ำยาฆ่าเชื้อโรคเป็นนม พร้อมแจงเหตุผลถ่ายรูปของในบ้าน

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้ออกมาแชร์ประสบการณ์เตือนภัย หลังจ้างแม่บ้านจากกลุ่มเฟซบุ๊กมาทำความสะอาดบ้าน แต่กลับพบพฤติกรรมนำ “เดทตอล” หรือผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคอเนกประสงค์ ผสมใส่ในนมให้ลูกของตนดื่ม โดยผู้เสียหายเชื่อว่าเป็นความพยายามทำให้เด็กหมดสติ เพื่อก่อเหตุลักทรัพย์ ผู้เสียหายและแม่บ้านคู่กรณี ต่อมา ได้รับเชิญไปชี้แจงข้อเท็จจริงในรายการโหนกระแส สร้างเสียงวิจารณ์อย่างต่อเนื่องในโลกออนไลน์

...

ล่าสุด เมื่อเวลา 14.10 น. วันที่ 30 ธ.ค. 2568 มีรายงานว่า ที่อาคารมาลีนนท์ ช่อง 3 ภายหลังจบการออกอากาศรายการโหนกระแส นางแอน แม่บ้านคู่กรณี ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยระบุว่า ตนรู้สึกว่าถูกหลอกให้มาร่วมรายการ และเชื่อว่าการมาครั้งนี้เป็นการพามาเพื่อให้ถูกตำรวจควบคุมตัว

นางแอน ชี้แจงถึงเหตุการณ์น้ำยาฆ่าเชื้อโรคผสมนมว่า ตนไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายเด็ก และยืนยันว่าเป็นความเข้าใจผิด โดยเข้าใจว่าสิ่งที่อยู่ในขวดฟ็อกกี้เป็นนม เนื่องจากตนเข้าใจมาโดยตลอดว่าเดทตอลมีเพียงสีเดียวคือสีน้ำตาล ส่วนที่ได้นำไปฉีดทำความสะอาดพื้นนั้น ยอมรับว่าในขณะเทไม่ได้กลิ่นของเดทตอล

ทั้งนี้ ขอโทษผู้เสียหายพร้อมขอร้องให้สังคมให้โอกาส และไม่อยากให้ผู้เสียหายดำเนินคดี เนื่องจากตนมีอายุมากแล้ว โดยยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจให้เกิดอันตรายกับเด็ก และรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงเหตุผลที่ลุกออกจากรายการโดยไม่ได้ขอโทษผู้เสียหาย นางแอนชี้แจงว่า ตนได้ขอโทษผู้เสียหายไปแล้วก่อนเข้ารายการ และเคยขอโทษไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ได้มีเจตนาหนี

นอกจากนี้ นางแอนยังยืนยันถึงพฤติกรรมการทำงานที่ผ่านมา โดยระบุว่า ที่ผ่านมาเคยไปรับจ้างทำความสะอาดบ้านหลายหลัง ไม่เคยมีประวัติลักขโมยทรัพย์สินตามที่ถูกกล่าวอ้าง พร้อมยกตัวอย่างว่า เคยไปทำความสะอาดบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเจ้าของบ้านวางเงินสดจำนวนมากไว้ ตนก็ไม่เคยหยิบหรือแตะต้องทรัพย์สินเหล่านั้น

ในประเด็นการถ่ายภาพภายในบ้านผู้เสียหาย นางแอนชี้แจงว่า ตนเห็นว่าบ้านมีความสวยงาม และคิดว่าตนคงไม่มีโอกาสได้มีบ้านลักษณะเช่นนี้ จึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายภาพไว้ โดยไม่ได้มีเจตนาจะนำภาพไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่าใบเกิดของลูกเขาก็สวยหรอถึงถ่าย นางแอนตอบว่า “สวยมาก”

ทั้งนี้ ภายหลังการให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวนางแอนไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจนครบาลบางโพงพาง เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างละเอียด

ทางด้าน นางเรณุกา อายุ 35 ปี ผู้เสียหาย เผยหลังจบรายการว่า แม้หลักฐานจากภาพวงจรปิดจะชัดเจน แต่ผู้ก่อเหตุกลับไม่ยอมรับความจริงใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งตนรู้สึกว่าคนแบบนี้ไม่สมควรมีที่ยืนในสังคม และจะต้องถูกกฎหมายจัดการอย่างเด็ดขาด ส่วนอาการของลูกชาย ตอนนี้กลับมาร่าเริงตามปกติ แต่ยังเป็นห่วงว่าสารเคมีที่เข้าไปในร่างกายนั้น จะส่งผลกระทบอะไรบ้างในอนาคต ซึ่งเธอไม่มีทางรู้ได้เลย และต้องติดตามอาการเป็นระยะ

อย่างไรก็ตาม ฝากถึงตำรวจว่า กรณีที่เกิดขึ้นนั้น มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าผู้ก่อเหตุกระทำผิดชัดเจน จึงอยากให้ตำรวจทำเป็นตัวอย่าง และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่าการอยู่ในประเทศนี้ หากถูกกระทำอะไรที่ร้ายแรงแบบนี้ แต่ผลลัพธ์สุดท้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือไม่มีการดำเนินคดีใดๆ กับผู้กระทำผิดได้เลย ประเทศนี้คงเป็นประเทศที่ไม่น่าอยู่และอันตรายสำหรับประชาชน.