"ศศิน เฉลิมลาภ" ร่างจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาล ทบทวนการแต่งตั้งเลขาธิการ สทนช. เร่งปรับปรุงประกาศเตือนภัยพิบัติของ ปภ. เชื่อยังมีโอกาสปิดจุดอ่อนเชิงระบบ ที่แก้ได้ทันทีและมีผลต่อชีวิตคนนับล้าน
วันที่ 30 พ.ย. 68 นายศศิน เฉลิมลาภ กรรมการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ร่างจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาลบุรีรัมย์ เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ โดยระบุว่า ร่างจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาลบุรีรัมย์เรื่อง ขอให้ทบทวนการแต่งตั้งเลขาธิการ สทนช. และเร่งปรับปรุงกติกาการประกาศภัยพิบัติของ ปภ. ให้ทันสมัยเรียน รัฐบาลบุรีรัมย์ โดยเฉพาะท่าน รองนายกรัฐมนตรี โสภณ ซารัมย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล ด้วยความเคารพอย่างสูง
ผมขอส่งสารฉบับนี้ในฐานะประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ที่พอจะมีความรู้ความเข้าใจปัญหาการจัดการน้ำของประเทศไทยอยู่บ้าง โดยเชื่อว่ารัฐบาลปัจจุบันยังมีโอกาส “ปิดจุดอ่อนเชิงระบบ” ที่แก้ได้ทันทีและมีผลต่อชีวิตผู้คนนับล้าน
1. ขอให้ทบทวนการนำคนนอกวงการน้ำ มาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สทนช.ตำแหน่งนี้เป็น “หัวใจของการบูรณาการข้อมูลและบัญชาการน้ำระดับประเทศ” ต้องการประสบการณ์จริงมากกว่าการบริหารทั่วไปที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับบทเรียนอย่างหนักจากการประเมินสถานการณ์ช้า การสื่อสารระหว่างหน่วยงานที่สะดุดการกลัวผิดจนไม่กล้าประกาศเตือนภัย การขาดความเข้าใจเชิงระบบระหว่างน้ำหลาก–น้ำล้นตลิ่ง–น้ำทุ่งหากแต่งตั้งคนนอกวงการน้ำเข้ามา จะยิ่งซ้ำเติมรอยร้าวนี้ และกระทบต่อความเชื่อมั่นของเจ้าหน้าที่ภาคสนามทั่วประเทศโดยเฉพาะช่วงที่พายุและฝนสุดขั้วกำลังกลายเป็นปกติใหม่ผมขอเสนอให้รัฐบาลพิจารณา ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำเชิงระบบ เป็นหลักเกณฑ์สำคัญที่สุด
และขอให้คณะรัฐมนตรีออกหลักคุณสมบัติของผู้จะเป็นเลขาธิการ สทนช. อย่างเป็นทางการ เช่น มีประสบการณ์ด้านบริหารจัดการน้ำอย่างน้อย 20 ปี เคยรับผิดชอบข้อมูลน้ำ/บัญชาการน้ำระดับประเทศเข้าใจโครงสร้าง สทนช.–ชป.–กรมอุตุ–ปภ.–ชลประทานจังหวัด ผ่านการทำงานร่วมกับพื้นที่จริง ไม่ใช่งานเอกสารอย่างเดียวนี่ไม่ใช่การคัดค้านตัวบุคคล แต่เป็นการขอให้รัฐบาล “ใช้ตำแหน่งนี้ขับเคลื่อนประเทศ” ไม่ใช่ “ตอบแทนทางการเมือง”
...
2. ขอให้แก้ไขระเบียบของ ปภ. เพื่อให้อำนาจประกาศภัยพิบัติ ‘ก่อนภัยเกิด’ นี่คือจุดอ่อนเชิงโครงสร้างที่ทำให้ประเทศไทยแพ้ภัยธรรมชาติตั้งแต่ยังไม่เริ่มปฏิบัติการระเบียบปัจจุบันกำหนดให้ “ต้องเกิดเหตุแล้ว” จึงประกาศภัยได้ซึ่งขัดกับหลักสากลของระบบ Early Warning System ทั้งหมดประเทศที่จัดการน้ำดี เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เวียดนาม ล้วนให้รัฐประกาศเตือนภัยล่วงหน้าได้ตามข้อมูลคาดการณ์แบบ Nowcast และ Forecast เพื่อให้ชาวบ้านรู้ตัว ก่อนผู้ว่าราชการจังหวัดเริ่มเตรียมแผนเคลื่อนย้าย ปภ. กระจายทรัพยากรล่วงหน้าได้ กรมอุตุ–สสน.–ชป. มี command ที่ชัดเจนร่วมกันปัจจุบัน ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (อนุทิน) มีอำนาจ “แก้ระเบียบนี้ได้ทันที” โดยไม่ต้องแก้กฎหมายการทำให้ไทยประกาศภัยก่อนภัยมา จะเป็น “ผลงานระดับประเทศ” และช่วยชีวิตประชาชนจริงในฤดูพายุทุกปี
3. นี่คือโอกาสที่รัฐบาลบุรีรัมย์จะแสดง ‘ภาวะผู้นำเชิงนโยบาย’ วันนี้ประชาชนไม่ได้ต้องการเพียงตำแหน่งที่ลงตัวทางการเมืองแต่ต้องการ “ระบบจัดการน้ำที่ทันสมัย ปลอดภัย และกล้ารับผิดชอบ”รัฐบาลสามารถส่งสัญญาณเชิงนำได้ทันทีด้วย 3 ข้อ
- เลือกเลขาธิการ สทนช. ที่เหมาะสมจริง
- แก้ระเบียบ ปภ. เพื่อประกาศภัยล่วงหน้าได้
- ออกเกณฑ์คุณสมบัติผู้บริหารน้ำระดับประเทศแบบโปร่งใส
ทั้งสามเรื่องนี้ “ไม่ขัดการเมือง” และจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับทั้งเจ้าหน้าที่–ผู้ว่าราชการจังหวัด–ชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยงตลอดแนวแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำสายหลักทั่วประเทศ
ผมเขียนจดหมายฉบับนี้ด้วยเจตนารมณ์เดียว คือ ไม่อยากเห็นประชาชนสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินแบบเดิมอีกหากรัฐบาลกล้าทำ 2–3 เรื่องนี้ ประเทศไทยจะยกระดับการจัดการภัยพิบัติได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้งบประมาณเพิ่มแม้แต่บาทเดียว ด้วยความเคารพผู้ประสบอุทกภัยคนหนึ่งในปีนี้
ที่มาจาก เฟซบุ๊กเพจ ศศิน เฉลิมลาภ