สรุปเงื่อนไข "คนละครึ่งพลัส" พร้อมใช้สิทธิวันแรกพรุ่งนี้ 29 ต.ค. 68 แนะเติมเงินเข้า G-Wallet ล่วงหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงความแออัดในการใช้งานแอปฯ เป๋าตัง
วันที่ 28 ตุลาคม 2568 นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการลงทะเบียนและการเตรียมความพร้อมในการใช้จ่ายของประชาชน และความคืบหน้าการลงทะเบียนร้านค้าในโครงการคนละครึ่ง พลัส (โครงการฯ) ดังนี้
ในการเตรียมความพร้อมในการใช้จ่ายของประชาชน โครงการฯ ได้เปิดรับลงทะเบียนประชาชนตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2568 เป็นต้นมา โดยมีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ครบจำนวน 20 ล้านรายแล้ว เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2568 ทั้งนี้ ประชาชนผู้ได้รับสิทธิจะสามารถใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2568 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 (เวลา 06.00 - 23.00 น.) ผ่านแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ซึ่งจะได้รับวงเงินสนับสนุนค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าและบริการที่กำหนดในอัตราร้อยละ 50 ทั้งนี้ ไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อวัน แต่ไม่เกินจำนวนวงเงินสิทธิที่กำหนด
โดยประชาชนผู้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเฉพาะแบบ ภ.ง.ด. 90 ภ.ง.ด. 91 หรือ ภ.ง.ด. 95 ในปีภาษี 2567 จะได้รับวงเงินสิทธิไม่เกิน 2,400 บาทต่อคน และประชาชนทั่วไปจะได้รับวงเงินสิทธิไม่เกิน 2,000 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาใช้จ่ายของโครงการฯ
...
สำหรับการเริ่มใช้จ่ายตามโครงการฯ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทยฯ) ได้มีการเตรียมความพร้อมของระบบเพื่อรองรับการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ของประชาชนไว้แล้ว
อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงความแออัดในการใช้งานแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ของประชาชนในวันแรกที่อาจเข้าใช้งานเป็นจำนวนมากพร้อมกัน ประชาชนสามารถสมัครใช้งานบริการ G-Wallet (กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของภาครัฐ) ที่อยู่ในแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" และเตรียมเติมเงินเข้า G-Wallet ไว้ล่วงหน้า ก่อนวันเริ่มใช้จ่าย เพื่อใช้สำหรับสแกนใช้จ่ายในโครงการฯ หรือทยอยเติมเงินในช่วงเวลาต่าง ๆ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ผู้ได้รับสิทธิจะต้องใช้สิทธิโครงการฯ โดยซื้อสินค้าหรือบริการในโครงการฯ ครั้งแรกผ่านแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งหากพ้นระยะเวลาดังกล่าว จะถือว่าไม่ประสงค์เข้าร่วมโครงการฯ และถูกตัดสิทธิในโครงการฯ
นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถซื้ออาหารหรือเครื่องดื่มจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) ที่ได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" โดยสามารถใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป (เวลา 06.00 - 21.00 น.) ซึ่งมีผู้ให้บริการ Food Delivery Platform เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 4 ราย ได้แก่
1. บริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) จำกัด (Grab)
2. บริษัท ไลน์แมน (ประเทศไทย) จำกัด (Lineman)
3. บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด (ShopeeFood)
4. บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด (Robinhood)
สำหรับความคืบหน้าของการลงทะเบียนร้านค้าในโครงการฯ จากข้อมูลสะสม ณ วันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2568 เวลา 15.00 น. มีร้านค้าที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ดังนี้
1. ร้านค้าที่ลงทะเบียนสำเร็จแล้ว 523,603 ราย
- ร้านค้ารายเดิม 94,669 ราย
- ร้านค้ารายใหม่ 428,934 ราย
2. ร้านค้าที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการสมัคร 101,741 ราย
- รอให้ร้านค้าเข้ามากดยอมรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโครงการฯ 97,300 ราย
- รอดำเนินการตรวจสอบ 4,441 ราย
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการร้านค้าที่สนใจและมีคุณสมบัติเป็นไปตามเงื่อนไขที่โครงการฯ กำหนด สามารถทยอยลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากโครงการฯ จะเปิดให้ร้านค้าเริ่มรับชำระเงินจากประชาชนผ่านแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" ได้ในวันที่ 29 ตุลาคม 2568 และร้านค้ายังสามารถลงทะเบียนได้จนกว่ากระทรวงการคลังจะปิดรับสมัครร้านค้าในวันที่ 19 ธันวาคม 2568
โครงการฯ ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยมีผู้ลงทะเบียนได้รับสิทธิจนครบ 20 ล้านสิทธิอย่างรวดเร็ว อีกทั้ง โครงการฯ ได้มีการปรับเพิ่มวงเงินสิทธิที่รัฐสมทบต่อวันเป็นไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อวัน (เดิม 150 บาทต่อคนต่อวัน) ซึ่งร้านค้าจะได้ประโยชน์จากการร่วมโครงการฯ ในการนี้ โฆษกกระทรวงการคลังจึงขอเชิญชวนร้านค้าสมัครเข้าร่วมโครงการฯ
นอกจากนี้ สำหรับร้านค้าที่สมัครเข้าร่วมโครงการฯ แล้ว ขอให้ตรวจสอบการยินยอม รับทราบ และยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไขในแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" ด้วย เพื่อให้การลงทะเบียนร้านค้าสำเร็จ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังขอยืนยันว่า จะไม่มีการส่งข้อมูลยอดขายให้กรมสรรพากรแต่อย่างใด