ลงทะเบียนคนละครึ่งพลัส แนะขั้นตอนยืนยันตัวตนแอป "เป๋าตัง" เช็กเงื่อนไขล่าสุด ใครบ้างจะได้รับสิทธิร่วมโครงการ

เตรียมพร้อมพรุ่งนี้ 20 ต.ค. 68 เปิดลงทะเบียน "คนละครึ่งพลัส" วันแรก สำหรับประชาชน 20 ล้านสิทธิ ที่มีคุณสมบัติที่เข้าร่วมโครงการ โดยสามารถรับสิทธิผ่านแอปฯ "เป๋าตัง" ได้ตั้งแต่วันที่ 20 - 26 ต.ค. 68 (เวลา 06.00-22.00 น.) 

ผู้ที่ได้รับสิทธิจะเริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. - 31 ธ.ค. 68 ช่วงเวลา 06:00 - 23:00 น. โดยการสแกนจ่ายเงินผ่านโครงการ ต้องมีการซื้อสินค้า/บริการจริงตรงตามมูลค่าที่สแกนจ่าย ไม่อนุญาตให้ผู้ประกอบการถอนเงินสด หรือรับแลกสินค้า/บริการคืนเป็นเงินสดไม่ว่ากรณีใด 

"คนละครึ่งพลัส 2568" ใครลงทะเบียนได้บ้าง

1. เป็นผู้มีสัญชาติไทย

2. มีอายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน

3. มีบัตรประจำตัวประชาชน

4. ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐตามฐานข้อมูลของกระทรวงการคลัง ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2568

5. ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในโครงการของรัฐ ได้แก่ (1) โครงการคนละครึ่ง (2) โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 (3) โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 (4) โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 และ (5) โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5

ลงทะเบียนคนละครึ่งพลัส ผ่านแอปฯ เป๋าตัง สำหรับผู้ไม่เคยได้สิทธิ

สำหรับผู้ไม่เคยได้สิทธิ หรือ ผู้ที่ไม่เคยร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 5 มาก่อน มีขั้นตอนดังนี้

1. เข้าแอปฯ เป๋าตัง เลือก "แบนเนอร์โครงการคนละครึ่งพลัส"

2. อ่านรายละเอียด เงื่อนไขโครงการ จากนั้นกดปุ่ม "ลงทะเบียน"

3. ตรวจสอบคุณสมบัติ สามารถดูผลได้ที่ SMS และการแจ้งเตือน บน แอปฯ เป๋าตัง ภายใน 3 วัน

...

4. ได้รับข้อความแจ้งเตือน ผ่านแอปฯ เป๋าตัง (กรณีได้รับสิทธิ)

5. แสดงข้อความการได้รับสิทธิ และวันที่เริ่มใช้สิทธิโครงการได้ จากนั้นกดปุ่ม "ตกลง"

6. เข้าแอปฯ เป๋าตัง เลือกแบนเนอร์ "โครงการคนละครึ่งพลัส"

7. หน้าหลักโครงการจะแสดงสิทธิคนละครึ่งพลัสที่ใช้ได้

ลงทะเบียนคนละครึ่งพลัส ผ่านแอปฯ เป๋าตัง สำหรับผู้เคยได้สิทธิ "คนละครึ่งเฟส 5"

1. เข้าแอปฯ เป๋าตัง เลือก "แบนเนอร์โครงการคนละครึ่งพลัส"

2. อ่านรายละเอียดเงื่อนไขโครงการ จากนั้นกดปุ่ม "ลงทะเบียน"

3. แสดงข้อความการได้รับสิทธิ และวันที่เริ่มใช้สิทธิโครงการได้ กดปุ่ม "ตกลง"

4. เข้าแอปฯ เป๋าตัง เลือก "แบนเนอร์โครงการคนละครึ่งพลัส"

5. หน้าหลักโครงการ จะแสดงสิทธิ "คนละครึ่งพลัส" ที่ใช้ได้

"คนละครึ่งพลัส" ได้เท่าไร ใครได้บ้าง

ภาครัฐจ่าย 50% (ไม่เกิน 200 บาท/คน/วัน) ตลอดระยะเวลาใช้จ่ายในโครงการ ตั้งแต่ 29 ต.ค. 68 - 31 ธ.ค. 68 โดยกำหนดวงเงินสิทธิ ดังนี้

  • ประชาชนผู้ยื่นแบบแสดงรายการภาษี : 2,400 บาท/คน
  • ประชาชนผู้ไม่ยื่นแบบภาษี : 2,000 บาท/คน

ทั้งนี้ ประชาชนผู้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับผู้มีเงินได้กรณีทั่วไป (ภ.ง.ด. 90) แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้มีเงินได้จากการจ้างแรงงานตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ประเภทเดียว (ภ.ง.ด. 91) หรือแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ได้รับสิทธิลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 95) ของปีภาษี 2567 ตามฐานข้อมูลของกรมสรรพากร ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568

ใครบ้างอดรับสิทธิ "คนละครึ่งพลัส" 2568

1. ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ : ประชาชนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะไม่สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้

2. ผู้ที่ถูกระงับสิทธิ์ / ถูกเรียกเงินคืนในโครงการของรัฐบาล : ประชาชนผู้ที่ถูกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ระงับสิทธิ์หรือถูกเรียกเงินคืนในโครงการของรัฐบาล ได้แก่ โครงการคนละครึ่ง, โครงการคนละครึ่งเฟส 2, โครงการคนละครึ่งเฟส 3, โครงการคนละครึ่งเฟส 4, โครงการคนละครึ่งเฟส 5

3. ผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน : กลุ่มคนไม่มีสมาร์ทโฟน ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้รับสิทธิ์เติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐคนละ 1,700 บาท รวมกับเงินที่รับอยู่แล้ว 300 บาท ทำให้กลุ่มบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะได้เงิน 2,000 บาท จะไม่ได้สิทธิ์คนละครึ่งพลัส.

วิธีใช้สิทธิ "คนละครึ่งพลัส" ครั้งแรก

ก่อนใช้สิทธิครั้งแรก ผู้ได้รับสิทธิจะต้องตรวจสอบสิทธิคงเหลือ และเงื่อนไขการใช้สิทธิ ดังนี้

  • เริ่มสิทธิครั้งแรก ได้ตั้งแต่ วันที่ 29 ตุลาคม - 31 ธันวาคม 2568
  • ใช้สิทธิได้ตั้งแต่ 06:00 - 23:00 น. ของทุกวัน
  • จำกัดสิทธิไม่เกิน 200 บาท/คน/วัน หรือสูงสุด ตามวงเงินสิทธิ
  • สิทธิจะถูกสะสม หากใช้ไม่หมดในแต่ละวัน ระบบจะคืนสิทธิที่ไม่ได้ใช้เข้ายอดรวมของผู้ได้รับสิทธิและจะคำนวณสิทธิใหม่ในเวลา 06:00 น. ของทุกวัน
  • เติมเงินเข้า G Wallet ก่อนเริ่มใช้สิทธิ

  • การซื้อ - ขายสินค้า/รับ - ให้บริการ ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องทำธุรกรรมซื้อขายและสแกน QR เพื่อชำระค่าสินค้า/บริการกันแบบพบหน้า (face-to-face) ไม่สามารถทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์หรือคนกลาง ไม่ว่าด้วยวิธีการใด
  • ตรวจประวัติการใช้สิทธิคงเหลือบนแอปฯ เป๋าตัง

สินค้าและบริการที่ร่วมโครงการ ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม, สินค้าทั่วไป, บริการขนส่งสาธารณะ, บริการนวด, สปา และ ทำเล็บทำผม
สินค้าที่ไม่ร่วมโครงการ ได้แก่ สลากกินแบ่งรัฐบาล, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, ผลิตภัณฑ์ยาสูบ, บัตรกำนัล, บัตรเงินสด และบริการรูปแบบอื่นๆ ที่เป็นการชำระสินค้า หรือบริการล่วงหน้า

คู่มือเปิดใช้งาน G Wallet ใช้สิทธิ "คนละครึ่งพลัส"

การสมัครใช้งาน G Wallet สำหรับประชาชนที่ไม่เคยสมัครใช้บริการ

1. กดสมัครใช้บริการ เพื่อเข้า G Wallet และเริ่มสมัครใช้บริการ

2. กดเข้าใช้งาน G Wallet เพื่อเริ่มสมัครใช้บริการ

3. กดตกลง เพื่อรับทราบรายละเอียดข้อตกลง และเงื่อนไขการใช้บริการ

4. กรอกรหัสหลังบัตรประชาชน ให้พิมพ์เรียงต่อกันได้เลย ไม่ต้องพิมพ์ขีด (-)

5. กรอกข้อมูล Email 

6. กรอกข้อมูลที่อยู่ปัจจุบัน (ข้อมูลที่อยู่บัตรประชาชน ไม่สามารถแก้ไขได้)

7. กรอกข้อมูลทำงาน 

8. ตอบคำถามสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

9. กดยินยอม และยินยัน (หากเลือกไม่ยินยอม จะทำรายการต่อไม่ได้)

10. เตรียมสแกนใบหน้า

11. กดสแกนหน้า 

12. ยืนยันข้อมูล (ให้ตรวจสอบข้อมูลการสมัคร ก่อนทำการยืนยันการสมัคร)

13. ที่หน้าหลักเป๋าตัง กดตรวจสอบสถานะล่าสุด หลังการสมัครอาจจะต้องรอผลการตรวจสอบสักครู่

14. เมื่อสมัคร G Wallet สำเร็จ ที่หน้าหลักเป๋าตัง ให้กดที่ G Wallet เพื่อเข้าใช้งาน หน้าจอจะแสดงแถบ "ใช้สิทธิโครงการภาครัฐ"

ช่องทางการเติมเงินเข้า G Wallet

ทำได้ 4 ช่องทางดังนี้

1. การเติมเงินด้วย G Wallet ID ผ่าน Mobile Banking ธนาคารต่างๆ เมนูเติมเงิน/โอนเงิน e-Wallet พร้อมเพย์ และระบุ G Wallet ID 15 หลัก

2. การเติมเงิน G Wallet ผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทยที่ผูกอยู่บนเป๋าตัง ง่ายๆ แค่มีบัญชีกรุงไทย และผูกบนเป๋าตัง

3. การเติมเงินด้วย QR Code ผ่าน Mobile Banking ธนาคารต่างๆ สแกน QR พร้อมเพย์ จากเป๋าตัง G Wallet

4. ตู้ ATM ธนาคารชั้นนำ ด้วยเมนูเติมเงิน/โอนเงิน e-Wallet พร้อมเพย์ และระบุ G Wallet ID 15 หลัก

แอปฯ เป๋าตัง สแกนใบหน้าไม่สำเร็จ ทำอย่างไร

รูปจากการสแกนใบหน้าไม่สามารถยืนยันตัวตนได้ อาจเกิดจากหลายสาเหตุ ไทยรัฐออนไลน์แนะนำ 3 วิธีถ่ายรูปสแกนใบหน้าใหม่

1. อาจมีสิ่งปกปิดใบหน้า ทำให้เห็นใบหน้าไม่ชัดเจน เช่น สวมหมวก สวมแว่นตา สวมหน้ากากอนามัย แนะนำให้ถอดสิ่งปกปิดใบหน้าออกก่อนแล้วสแกนใบหน้าใหม่

2. แสงมากหรือน้อยเกินไประหว่างสแกนใบหน้า ทำให้ได้รูปสแกนใบหน้าไม่ชัดเจน แนะนำให้เปลี่ยนสถานที่ถ่ายรูป เลือกมุมที่มีแสงสว่างให้เหมาะสม

3. ใบหน้าออกห่างจากมือถือเกินไป แนะนำให้ปรับระยะห่างให้เห็นใบหน้าที่ชัดเจนในระยะที่เหมาะสม

หากทำตามคำแนะนำแล้ว แต่ยังคงสแกนหน้าไม่ผ่าน สามารถทำการยืนยันตัวตนได้อีก 2 วิธีคือ

1. ใช้บัตรประชาชนและสแกนใบหน้ายืนยันตัวตนผ่านตู้ ATM ธ.กรุงไทย

2. ติดต่อธนาคารกรุงไทยทุกสาขาในวันและเวลาทำการ สำหรับวันหยุดอาจมีบางสาขาที่เปิดให้บริการโดยเฉพาะสาขาในห้างสรรพสินค้า สามารถโทรสอบถามที่เบอร์โทรสาขาโดยตรง หรือ เบอร์โทรธนาคารกรุงไทย 02-111-1111

วิธียืนยันตัวตนแอปฯ เป๋าตัง ผ่านตู้ ATM ธนาคารกรุงไทย 

กรณีที่ตู้ ATM สีเทา หน้าจอแบบมีปุ่มด้านล่าง

1. เลือกเมนู "ทำรายการด้วยบัตรประชาชน" (ไม่ต้องใช้บัตร ATM)

2. เลือก "บริการยืนยันตัวตน"

3. กดปุ่ม "รับทราบและรับรอง" ยืนยันการเป็นเจ้าของบัตร

4. เลือก "ยินยอม" เพื่อเปิดเผยข้อมูล และพิสูจน์ตัวตน

5. กดปุ่ม "ถัดไป"

6. เสียบบัตรประชาชน และกดปุ่ม "ตกลง"

7. รอการตรวจสอบข้อมูล

8. เลือก "จบการทำรายการยืนยันตัวตน" เก็บบัตรประชาชน และดำเนินการต่อบนแอปฯ เป๋าตัง

กรณีตู้ ATM สีเทา หน้าจอแบบไม่มีปุ่มด้านล่าง

1. แตะหน้าจอบริเวณแถบสีฟ้า เพื่อเลือกบริการ (ไม่ต้องใช้บัตร ATM)

2. เลือก "ยืนยันตัวตน / บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ"

3. เลือกยืนยันตัวตนธนาคารกรุงไทย

4. กด "รับทราบและรับรอง" ยืนยันการเป็นเจ้าของบัตร

5. เลือก "ยินยอม" เพื่อเปิดเผยข้อมูล และพิสูจน์ตัวตน

6. เสียบบัตรประชาชน และกดปุ่ม "ตกลง"

7. รอการตรวจสอบข้อมูล

8. เลือก "จบการทำรายการยืนยันตัวตน" เก็บบัตรประชาชน และดำเนินการต่อบนแอปฯ เป๋าตัง





อ้างอิง www.คนละครึ่งพลัส.com