ลงทะเบียน "คนละครึ่งพลัส" 2568 แนะวิธีสำหรับร้านค้าใหม่ ร้านค้าคนละครึ่งเฟส 5 เดิม และร้านค้าที่ผูกกับ "แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี" เตรียมเข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่ 15 ต.ค. นี้ พร้อมรับเงินผ่าน "แอปฯ ถุงเงิน"
"คนละครึ่งพลัส" โครงการตามนโยบายของรัฐบาล หวังกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี 2568 โดยภาครัฐจะร่วมจ่ายค่าสินค้าและบริการบางประเภทให้แก่ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อลดรายจ่าย ให้ประชาชนมีกำลังจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น และสร้างรายได้แก่ร้านค้ารายย่อย นำไปสู่การกระตุ้นและพื้นฟูเศรษฐกิจไทย ซึ่งมีระยะเวลาโครงการ ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2568 จำนวนสิทธิโดยประมาณ 20 ล้านสิทธิหรือจนกว่าจะครบวงเงินสิทธิในวงเงินไม่เกิน 4.4 หมื่นล้านบาท
โดยเริ่มเปิดลงทะเบียนสำหรับร้านค้า ให้สมัครเข้าร่วมโครงการ ณ จุดตั้งบูธกระทรวงมหาดไทยร่วมกับธนาคารกรุงไทย หรือ ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. - 19 ธ.ค. 68
สำหรับประชาชน จะเปิดให้ผู้ที่อายุ 16 ปีขึ้นไป ลงทะเบียนผ่านแอปฯ เป๋าตัง ตั้งแต่วันที่ 20 - 26 ตุลาคม 2568 เวลา 06.00 - 22.00 น. และใช้สิทธิได้ 29 ต.ค. - 31 ธ.ค. 68
"คนละครึ่ง 2568" วิธีลงทะเบียนสำหรับ "ร้านค้าใหม่"
สำหรับ ร้านค้าใหม่สมัครเข้าร่วมโครงการ ณ จุดตั้งบูธกระทรวงมหาดไทยร่วมกับธนาคารกรุงไทย หรือ ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. - 19 ธ.ค. 68 โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. มีบัญชีธนาคารกรุงไทย
2. สมัครเป็นร้านค้าถุงเงินผ่าน www.ถุงเงินกรุงไทย.com และดาวน์โหลด/อัปเดตแอปฯ ถุงเงินเป็นเวอร์ชันล่าสุด
...
3. ตรวจสอบประเภทกิจการและดาวน์โหลดแบบฟอร์มใบสมัคร ไปยื่นสมัครกับหน่วยงาน
- ร้านค้าบุคคลธรรมดาหรือผู้ประกอบการ วิสาหกิจชุมชน ยื่น แบบฟอร์มการสมัครร้านค้าสำหรับกระทรวงมหาดไทย
- ร้านค้านิติบุคคลรายย่อยหรือธุรกิจเฉพาะ ยื่น แบบฟอร์มการสมัครร้านค้าสำหรับธนาคารกรุงไทย
4. นำเอกสารที่ได้รับการยืนยันแล้ว มายื่นสมัครเข้าร่วมโครงการ ณ จุดให้บริการ
5. ร้านค้าได้รับผลพิจารณาผ่าน SMS
6. เมื่อผ่านเข้าร่วมโครงการ แบนเนอร์คนละครึ่ง พลัสจะปรากฏบนแอปฯ ถุงเงิน
7. กดยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไขโครงการ
8. รับชำระค่าสินค้าและบริการจากประชาชน
9. ตรวจสอบประวัติการรับเงิน บนแอปฯ ถุงเงิน
วิธีลงทะเบียนสำหรับ "ร้านค้าเดิม" (ร้านคนละครึ่งเฟส 5 ปี 2565 ผ่านเกณฑ์)
1. ดาวน์โหลด/อัปเดตแอปฯ ถุงเงินให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด
2. ร้านค้าที่ผ่านการอนุมัติจะได้การแจ้งเตือนผ่านแอปฯ ถุงเงิน
3. เมื่อผ่านเข้าร่วมโครงการ "แบนเนอร์คนละครึ่ง" พลัสจะปรากฏบนแอปฯ ถุงเงิน
4. กดยอมรับเงื่อนไขและข้อตกลงของโครงการ
5. รับชำระค่าสินค้าและบริการจากประชาชน
6. ตรวจสอบประวัติการรับเงินบนแอปฯ ถุงเงิน
วิธีลงทะเบียนสำหรับ ร้านค้าที่ผูกกับ "แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี"
1. ดาวน์โหลด/อัปเดตแอปฯ ถุงเงินให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด
2. ร้านค้าได้รับการอนุมัติแล้ว ผูกกับแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีได้ ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย. - 31 ธ.ค. 68
3. กดแบนเนอร์ "โครงการฟู้ดเดลิเวอรี" บนแอปฯ ถุงเงิน เพื่อยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไข
4. เลือกผูกแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีที่ต้องการ
5. รับชำระค่าอาหาร/เครื่องดื่มจากประชาชน
6. แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี จัดหาไรเดอร์ไปยังร้านค้า
7. ไรเดอร์จัดส่งอาหาร/เครื่องดื่ม
8. ตรวจสอบประวัติการรับเงินบนแอปฯ ถุงเงิน
ขั้นตอนดาวน์โหลดและติดตั้ง "แอปฯ ถุงเงิน"
- เปิดแอปฯ App Store หรือ Google Play
- รองรับโทรศัพท์ระบบปฏิบัติการ Android 10+ และรองรับโทรศัพท์ระบบปฏิบัติการ iOS 15+ ขึ้นไป
- พิมพ์ค้นหา "ถุงเงิน"
- กดเลือกติดตั้ง
วิธีเข้าใช้งาน "แอปฯ ถุงเงิน" เพื่อรับเงิน "คนละครึ่งพลัส" 2568
การเข้าใช้งานแอปฯ ถุงเงินมี 2 วิธี ดังนี้
เข้าใช้งานแอปฯ "ถุงเงิน" ด้วยเบอร์โทรศัพท์มือถือ
1. เลือกเจ้าของร้าน
2. เลือก "เข้าใช้งานด้วย เบอร์มือถือ"
3. ระบุเบอร์โทรศัพท์ เพื่อขอ OTP
4. กรอก OTP จาก SMS เพื่อยืนยันเข้าระบบ
5. กด "ยอมรับ" ข้อตกลงและเงื่อนไข
6. กด "ตกลง" เพื่อระบุตำแหน่งร้านค้า
7. เข้าสู่หน้าหลักแอปฯ ถุงเงิน
เข้าใช้งานแอปฯ "ถุงเงิน" ด้วยแอปฯ "เป๋าตัง"
1. เลือกเจ้าของร้าน
2. เลือก "เข้าใช้งานด้วยเป๋าตัง"
3. เลือก "ดำเนินการต่อ" เพื่อไปแอปฯ เป๋าตัง
4. ใส่ PIN เป๋าตัง
5. กด "ยืนยัน"
6. กด "ยอมรับ" ข้อตกลงและเงื่อนไข
7. กด "ตกลง" เพื่อระบุตำแหน่งร้านค้า
8. เข้าสู่หน้าหลักแอปฯ ถุงเงิน
คุณสมบัติร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ "คนละครึ่งพลัส"
1. เป็นผู้ประกอบการร้านค้าอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไป ที่มีสัญชาติไทย (ผู้ประกอบการร้านค้าฯ) ดังนี้
- ผู้ประกอบการที่ไม่ใช่นิติบุคคล หรือ
- ร้านค้าธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น (ร้านค้าธงฟ้าฯ) ที่ไม่ใช่นิติบุคคล เว้นแต่เป็นร้านค้าธงฟ้าฯ ของสหกรณ์ตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม หรือ
- ร้านค้าของกองทุนหมู่บ้านหรือกองทุนชุมชนเมืองตามพระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ. 2547 (พ.ร.บ. กองทุนหมู่บ้านฯ) หรือ
- ร้านค้าของวิสาหกิจชุมชนตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (พ.ร.บ. ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนฯ)
ทั้งนี้ ต้องไม่เป็นร้านค้าที่มีลักษณะเป็นร้านสะดวกซื้อที่เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ และต้องมีการประกอบการที่สามารถตรวจสอบได้
2. เป็นผู้ประกอบการบริการนวด สปา ทำเล็บ ทำผม ที่มีสัญชาติไทย (ผู้ประกอบการบริการฯ) ดังนี้
- ผู้ประกอบการบริการที่ไม่ใช่นิติบุคคล หรือ
ผู้ประกอบการบริการของกองทุนหมู่บ้านหรือกองทุนชุมชนเมือง ตาม พ.ร.บ. กองทุนหมู่บ้านฯ หรือ - ผู้ประกอบการบริการของวิสาหกิจชุมชนตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนฯ
ทั้งนี้ ต้องมีสถานประกอบการเป็นหลักแหล่งและตรวจสอบได้ และกรณีเป็นผู้ประกอบการบริการนวด สปา จะต้องได้รับใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย
3. เป็นผู้ประกอบการด้านขนส่งสาธารณะ ที่มีสัญชาติไทยและไม่ใช่นิติบุคคล (ผู้ประกอบการด้านขนส่งสาธารณะฯ) ดังนี้
- ผู้ประกอบการประเภทรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (TAXI - METER) รถตู้โดยสารประจำทางที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย รถยนต์สามล้อสาธารณะ รถสองแถวรับจ้าง และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ทั้งนี้ ผู้ขับขี่ต้องมีใบขับขี่รถสาธารณะที่ถูกต้องตามกฎหมาย
- ผู้ประกอบการรถรับจ้างขนส่งผู้โดยสารที่สามารถตรวจสอบได้ เช่น สามล้อถีบ เป็นต้น
4. เป็นผู้ประกอบการด้านขนส่งมวลชนสาธารณะ ได้แก่
รถไฟฟ้าในเขตเมือง รถไฟ รถโดยสารประจำทางสาธารณะ และเรือโดยสารสาธารณะ (ผู้ประกอบการด้านขนส่งมวลชนสาธารณะฯ)
5. เป็นนิติบุคคลขนาดเล็ก เฉพาะที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา 68 และงบการเงินตามมาตรา 69 แห่งประมวลรัษฎากร (ภ.ง.ด. 50) สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 2567
ซึ่งขายอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไป หรือให้บริการนวด สปา ทำเล็บ ทำผม และให้บริการขนส่งสาธารณะ โดยมีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาท ตามฐานข้อมูลของกรมสรรพากร ณ วันที่ 30 กันยายน 2568
ทั้งนี้ ผู้ให้บริการนวด สปา หรือผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะจะต้องได้รับใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย
6. ร้านค้าจะต้องไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในโครงการของรัฐ ได้แก่ (1) โครงการคนละครึ่ง, (2) โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2, (3) โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3, (4) โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 และ (5) โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5
7. ประเภทสินค้าและบริการ อาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป บริการนวด สปา ทำเล็บ ทำผม และบริการขนส่งสาธารณะ โดยไม่รวมถึงสินค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ บัตรกำนัล บัตรเงินสด และบริการรูปแบบอื่นๆ ที่เป็นการชำระค่าสินค้าหรือบริการล่วงหน้า
ทั้งนี้ การกำหนดเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงรายการสินค้าและบริการของโครงการฯ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้กำหนด
อ้างอิง www.คนละครึ่งพลัส.com