เปิดไทม์ไลน์ “คนละครึ่งพลัส” เวอร์ชันพรรคภูมิใจไทย เริ่มต้นลงทะเบียนวันไหน ใช้จ่ายได้เมื่อไหร่ เงื่อนไขใหม่มีอะไรบ้าง

ไทยรัฐออนไลน์ เกาะติดความคืบหน้าโครงการคนละครึ่ง หรือ คนละครึ่งพลัส หลังจากที่ “นายกฯ หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เตรียมนำโครงการคนละครึ่งพลัส เวอร์ชันพรรคภูมิใจไทย เข้าที่ประชุม ครม.สัปดาห์หน้า ประเดิมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบด่วนจี๋ ปัดฝุ่นโครงการคนละครึ่ง ยุครัฐบาล “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาใช้ใหม่ แต่มีการอัปวงเงินเพิ่มเป็น 200 บาทต่อวัน จากเดิม 150 บาทต่อวัน


"คนละครึ่งพลัส" แตกต่างจากเดิมอย่างไร

...



โดยบางช่วงบางตอน นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุไว้ว่า คนละครึ่งพลัส หลักการคล้ายเดิม คือ ประชาชนไปซื้อของ รัฐบาลออกให้ครึ่งหนึ่ง เดิมวันละ 150 บาท แต่ด้วยวันนี้เศรษฐกิจแย่มากมันต้อง บิ๊กพอที่จะช่วยฟื้นเศรษฐกิจ จึงตัดสินใจว่าจะใช้ 200 บาท คือ รัฐบาลสมทบ 200 บาท ประชาชนมี 200 บาท บิ๊กพอและเร็วด้วย เพราะเราใช้งบประมาณที่มีอยู่แล้ว คืองบกระตุ้นเศรษฐกิจ 25,000 ล้านบาท บวกกับงบกลางอีก 19,000 ล้านบาท รวมเป็น 44,000 ล้านบาท เป็นงบประมาณที่มีอยู่แล้วจึงไม่ได้เพิ่มภาระทางการคลัง

พร้อมย้ำถึงสิทธิประชาชน 20 ล้านคน จะได้ประโยชน์ในการลดค่าครองชีพ เพราะครึ่งหนึ่งรัฐบาลสมทบให้ ขณะที่ร้านค้าจะเกิดการหมุนเวียน พร้อมเน้นย้ำว่าให้เฉพาะร้านค้าขนาดเล็ก ไม่ได้ให้ร้านใหญ่ๆ ที่เป็นของบริษัทขนาดใหญ่ เพราะต้องการให้เงินไปตกกับประชาชนจริงๆ รวมถึงนิติบุคคลเล็กๆ ที่อยู่ในระบบภาษีก็เข้าร่วมได้ด้วย



เปิดไทม์ไลน์ "คนละครึ่งพลัส" เริ่มใช้จ่ายวันไหน


  • 15 ต.ค. 68 เปิดลงทะเบียนร้านค้า โดยเอาระบบเดิมมาใช้ ส่วนร้านที่ยังไม่ได้อยู่ในระบบก็เปิดให้เข้าด้วย ประกอบด้วย 1. ร้านอาหาร-เครื่องดื่มทั่วไป 2. ผู้ประกอบการบริการ นวดสปา ทำผม ทำเล็บ 3. บริการขนส่งสาธารณะ อาทิ แท็กซี่ รถรับจ้าง ที่มีใบขับขี่รถสาธารณะ ผู้ประกอบการบริการขนส่งมวลชนสาธารณะ

  • 20-26 ต.ค. 68 ประชาชน 20 ล้านสิทธิ ลงทะเบียนผ่าน “เป๋าตัง” เป็นระบบมีอยู่แล้ว โดยต้องทำเร็ว ทำทันที ใครเคยลงทะเบียนแล้วก็มายืนยันสิทธิเพราะมีข้อมูลอยู่แล้ว ใครยังไม่มีก็มาลงทะเบียน

  • 29 ต.ค. 68 เริ่มใช้จ่าย "คนละครึ่งพลัส" ได้ทันที จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 68 หากใช้ไม่ถึง 200 บาท สามารถสะสมได้


เงื่อนไขใหม่ “คนละครึ่งพลัส” ผู้มีสิทธิ์ต้องมีอายุ 16 ปี ขึ้นไป


โดยจะแบ่งสิทธิ์ออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่


1.กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (13 ล้านคน)

  • เงินเพิ่มเติม 1,700 บาท/เดือน + ของเดิม 300 บาท/เดือน รวม 2,000 บาทต่อเดือนในงวดเดียว โดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่
  • ใช้จ่ายตามวงเงินจริงที่ซื้อ



    2.กลุ่มผู้ยื่นแบบภาษี (11 ล้านคน) สิทธิ์ 60:40

  • รัฐบาลสมทบ 2,400 บาท

  • ประชาชนเติมเงิน 2,000 บาท

  • ใช้จ่ายไม่เกินวันละ 200 บาท (ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง)



    3.กลุ่มผู้อยู่นอกระบบภาษี (9 ล้านคน) สิทธิ์ 50:50


  • รัฐบาลสมทบ 2,000 บาท
  • ประชาชนเติมเงิน 2,000 บาท
  • ใช้จ่ายไม่เกินวันละ 200 บาท (ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง)


    เริ่มใช้จ่าย พฤศจิกายน-ธันวาคม 2568


    อย่างไรก็ตามโครงการ “คนละครึ่งพลัส” อยู่ภายใต้แนวคิดปรับปรุงรูปแบบให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน ซึ่งยังต้องรอรายละเอียดจากรัฐบาลอีกครั้ง หากมีความคืบหน้าอย่างไร “ไทยรัฐออนไลน์” จะรีบรายงานให้ทราบต่อไป.