เปิดไทม์ไลน์ ลงทะเบียน "คนละครึ่งพลัส" หรือ คนละครึ่ง 2568 เช็กเงื่อนไขรับสิทธิ ตั้งแต่อายุ 16 ปี เริ่มใช้จ่าย 29 ต.ค. 68
หลังจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ได้กันงบประมาณปี 2569 เพื่อนำมาใช้ในโครงการคนละครึ่งพลัสแล้ว เพื่อเร่งขับเคลื่อนและกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงคาดว่าในสัปดาห์หน้า หลักการจะเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และสามารถให้ประชาชนลงทะเบียนได้ไม่เกินกลางเดือนตุลาคมนี้
คนละครึ่งพลัส คืออะไร
โดยล่าสุด (2 ต.ค. 68) นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า วันนี้สภาพเศรษฐกิจแย่มาก ประชาชนได้รับความเดือดร้อน การซื้อขายไม่คล่องตัว นำไปสู่ปัญหาหนี้สิน ซึ่งประเทศไทยคนก็เป็นหนี้เยอะอยู่แล้ว ตนอธิบายในช่วงแถลงนโยบายรัฐบาลว่า เศรษฐกิจเหมือนรถยนต์ที่กำลังจะติดหล่ม ถ้าไม่ทำอะไรมันจะตกเหว นี่คือการออกนโยบายที่นายกรัฐมนตรีได้แนะนำว่าควรจะมีอะไรที่ฟื้นเศรษฐกิจโดยเร็ว พร้อมมอบนโยบายว่าต้อง Quick (เร็ว) Big (ใหญ่) Win (ประชาชนได้ประโยชน์) โดยแนะนำคนละครึ่ง ทำอย่างไรให้คิดถึงเรื่องระยะยาวด้วย จึงใช้คำว่า "คนละครึ่งพลัส"
"คนละครึ่งพลัส" แตกต่างจากเดิมอย่างไร
คนละครึ่งพลัส หลักการคล้ายเดิม คือ ประชาชนไปซื้อของ รัฐบาลออกให้ครึ่งหนึ่ง เดิมวันละ 150 บาท แต่ด้วยวันนี้เศรษฐกิจแย่มากมันต้อง บิ๊กพอที่จะช่วยฟื้นเศรษฐกิจ จึงตัดสินใจว่าจะใช้ 200 บาท คือ รัฐบาลสมทบ 200 บาท ประชาชนมี 200 บาท บิ๊กพอและเร็วด้วย เพราะเราใช้งบประมาณที่มีอยู่แล้ว คืองบกระตุ้นเศรษฐกิจ 25,000 ล้านบาท บวกกับงบกลางอีก 19,000 ล้านบาท รวมเป็น 44,000 ล้านบาท เป็นงบประมาณที่มีอยู่แล้วจึงไม่ได้เพิ่มภาระทางการคลัง
...
ส่วนเรื่องของ Win คือ สิทธิประชาชน 20 ล้านคน จะได้ประโยชน์ในการลดค่าครองชีพ เพราะครึ่งหนึ่งรัฐบาลสมทบให้ ขณะที่ร้านค้าจะเกิดการหมุนเวียน พร้อมเน้นย้ำว่าให้เฉพาะร้านค้าขนาดเล็ก ไม่ได้ให้ร้านใหญ่ๆ ที่เป็นของบริษัทขนาดใหญ่ เพราะต้องการให้เงินไปตกกับประชาชนจริงๆ รวมถึงนิติบุคคลเล็กๆ ที่อยู่ในระบบภาษีก็เข้าร่วมได้ด้วย
สำหรับสิทธิที่ต่างจากเดิม ช่วงอายุผู้เข้าร่วมโครงการเริ่มตั้งแต่อายุ 16 ปี (เดิม 18 ปี) โดยให้ร้านค้าเล็กๆ SME เล็กๆ เข้าร่วมได้ด้วย
พลัสที่ 1 คนในระบบภาษีจะได้ 60% หรือ 2,400 บาท จากเดิม 50% แต่ประชาชนที่ไม่อยู่ในระบบภาษีจะได้ 2,000 บาท เพื่อสะท้อนให้กับเรตติ้งเอเจนซี่รู้ว่าเราคำนึงถึงวินัยการคลัง
พลัสที่ 2 กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว เราจะเพิ่มทักษะการขายของออนไลน์ให้พ่อค้าแม่ค้า จากเคยขายของเพียงในตลาด จะสามารถขยายตลาดออนไลน์ได้ ทำให้มีรายได้อย่างยั่งยืน และจะทำระบบบัญชีแบบง่ายๆ เหมือนบัญชีครัวเรือน ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังกำลังประสานกับธนาคารเพื่อให้ปล่อยสินเชื่อได้โดยตรง ถ้าทำบัญชีถูกต้องธนาคารจะสามารถปล่อยสินเชื่อ จึงเป็นการได้ผลยาวที่ครบวงจร แก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนได้ในระยะยาว
นายเอกนิติ กล่าวอีกว่า ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 13.4 ล้านคน ซึ่งการออกแบบคนละครึ่งพลัสจะทำควบคู่กับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งปกติจะได้เงิน 300 บาทต่อเดือนเพื่อไปซื้อของกินของใช้ที่จำเป็น เพียง 2-3 วันเงินก็จะหมด
เราจึงของบประมาณที่เหลือจากปีที่แล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีกรุณาอนุมัติให้วันสุดท้ายของปี 2568 (30 ก.ย.) ที่เราประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทันที ไปเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จากได้ 300 บาท เราเติมไปอีก 1,700 บาท รวมกันเป็น 2,000 บาท คนกลุ่มนี้เราจะเติมในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่ง 2,000 บาท สิทธิจะเท่ากับคนละครึ่งพอดี
ไทม์ไลน์ "คนละครึ่งพลัส" เริ่มใช้วันไหน
- 15 ต.ค. 68 เปิดลงทะเบียนร้านค้า โดยเอาระบบเดิมมาใช้ ส่วนร้านที่ยังไม่ได้อยู่ในระบบก็เปิดให้เข้าด้วย ประกอบด้วย 1. ร้านอาหาร-เครื่องดื่มทั่วไป 2. ผู้ประกอบการบริการ นวดสปา ทำผม ทำเล็บ 3. บริการขนส่งสาธารณะ อาทิ แท็กซี่ รถรับจ้าง ที่มีใบขับขี่รถสาธารณะ ผู้ประกอบการบริการขนส่งมวลชนสาธารณะ
- 20-26 ต.ค. 68 ประชาชน 20 ล้านสิทธิ ลงทะเบียนผ่าน “เป๋าตัง” เป็นระบบมีอยู่แล้ว โดยต้องทำเร็ว ทำทันที ใครเคยลงทะเบียนแล้วก็มายืนยันสิทธิเพราะมีข้อมูลอยู่แล้ว ใครยังไม่มีก็มาลงทะเบียน
- 29 ต.ค. 68 เริ่มใช้จ่าย "คนละครึ่งพลัส" ได้ทันที จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 68 หากใช้ไม่ถึง 200 บาท สามารถสะสมได้
"คนละครึ่งพลัส" แบ่งสิทธิผู้ร่วมโครงการเป็น 3 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1 : ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13 ล้านคน
- จะได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติม 1,700 บาทต่อเดือน รวมกับเงินเดิม 300 บาท
- ทำให้ได้รับรวม 2,000 บาทต่อเดือนในงวดเดียว
- ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่
กลุ่มที่ 2 : ผู้อยู่ในระบบภาษี จำนวน 11 ล้านคน (ยื่นแบบภาษี)
- จะได้รับสิทธิพิเศษในโครงการคนละครึ่ง ที่ปรับเปลี่ยนจาก 50:50 เป็น 60:40
- โดยรัฐบาลจะสมทบ 2,400 บาท และประชาชนเติมเงินอีก 2,000 บาท
- สามารถจับจ่ายได้วันละไม่เกิน 200 บาท
กลุ่มที่ 3 : ผู้อยู่นอกระบบภาษี จำนวน 9 ล้านคน
- จะได้รับการเติมเงิน 2,000 บาท
อย่างไรก็ตาม โครงการคนละครึ่งพลัส หรือ คนละครึ่ง 2568 ยังต้องรอรายละเอียดเพิ่มเติมอีกครั้ง หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมจะรายงานให้ทราบต่อไป.