สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ชายแดนไทย ที่กัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธโจมตีตั้งแต่เช้าวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา มีข้อมูลหลายแห่ง โดยเฉพาะดาวเทียมวิเคราะห์ได้ว่า ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เริ่มก่อน และดำเนินการผิดหลักสากลหลายข้อ ส่งผลต่อชีวิตและทรัพย์สินพลเรือนไทย และผิดหลักมนุษยธรรม
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รวบรวมข้อตกลงระหว่างประเทศที่ฝ่ายกัมพูชาละเมิด จนอาจนำไปสู่การถูกทั่วโลกประณามการกระทำลักษณะนี้ได้ ซึ่งฝั่งไทยได้รายงานไปยัง UN แล้ว
อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (APMBC)
...
จากเหตุการณ์ทหารไทย 2 นายได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากเหยียบกับระเบิดที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลให้พิการถาวรหลังสูญเสียขาไป ตรวจสอบพบเป็นทุ่นระเบิด PMN-2 อยู่ในสภาพใหม่และมีเครื่องหมายระบุชัดเจน จึงถือเป็นการละเมิดภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine Ban Convention - APMBC) โดยมีรายงานยืนยันเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมาว่ากัมพูชายังคงถือครองทุ่นระเบิดชนิดนี้อยู่จริง
กฎบัตรสหประชาชาติ (UN Charter)
กัมพูชาเปิดฉากโจมตีประเทศไทยโดยไม่เลือกเป้าหมาย และพุ่งเข้าสู่พลเรือนของประเทศไทย ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก รวมถึงโรงพยาบาลและโรงเรียนด้วย ถือเป็นการละเมิดต่อมาตรา 2 (4) ของกฎบัตรสหประชาชาติ ตามหลักการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี ไทยจึงใช้มาตรา 51 เพื่อดำเนินการมาตรการป้องกันประเทศของตนเองจากภัยคุกคามที่เกิดขึ้น
อนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 1 และ 4 และพิธีสารเพิ่มเติม
สำหรับการโจมตีของกัมพูชามีเป้าหมายที่พลเรือนและสถานที่สาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบขณะกำลังรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล ถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาเจนีวา ค.ศ.1949 อย่างร้ายแรง ที่ว่าด้วยการคุ้มครองโรงพยาบาลและสถานการณ์ที่มีผู้บาดเจ็บและผู้ป่วย เป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานและยากลำบากต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์
สนธิสัญญาสันติภาพและมิตรภาพอาเซียน (TAC)
ตามข้อกำหนดในสนธิสัญญาฉบับนี้ ประเทศสมาชิกจะต้องยึดมั่นในการไม่รุกรานกัน และเดินหน้าแก้ไขปัญหาข้อพิพาทโดยใช้สันติวิธี การที่กัมพูชาเริ่มใช้กำลังโจมตีพลเรือนไทย ถือว่าผิดข้อตกลง ซึ่งทั้ง 2 ประเทศนั้น เป็นภาคีอยู่