ครอบครัวเปิดข้อสงสัย "อวัยวะศพน้องเมย” เสียชีวิตปริศนา ผลตรวจ DNA ไม่ตรงกับครอบครัว ผ่านมา 8 ปี ยังคาใจ

จากกรณี ศาลทหารสูงสุด มีคำพิพากษาชั้นฎีกา คดีการเสียชีวิตของ นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ เมย อดีตนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ในคดีการเสียชีวิต เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 จำคุกรุ่นพี่ 4 เดือน 16 วัน แต่รอลงอาญา 2 ปี โดยศาลเห็นว่า ด้วยอายุจำเลย ไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไป ก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัว รับราชการ รับใช้ชาติต่อไป จะเป็นประโยชน์มากกว่า (อ่านข่าว : ศาลทหารชั้นฎีกา ตัดสินคดี "น้องเมย" คุก 4 เดือน 16 วัน ให้จำเลยรับใช้ชาติต่อ)

โดยวันนี้ (23 กรกฎาคม 2568) มีรายงานว่า นายพิเชษฐ ตัญกาญจน์ และ นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ บิดาและมารดาของน้องเมยได้มาพูดคุยในรายการโหนกระแส เนื่องจากยังติดใจในเรื่องอวัยวะภายในของน้องเมยที่หายไป ได้แก่ สมอง หัวใจ และกระเพาะอาหาร

ทั้งนี้ รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มศว หรือ หมอหมู ได้ให้ความรู้ถึงกรณีการผ่าชันสูตรศพว่า แต่เดิมการผ่าชันสูตรศพจะมีแนวคิดเก็บอวัยวะไว้ เช่น สมอง หัวใจ ปอด โดยแช่ในฟอร์มาลีน เพื่อรอการตรวจสอบในอนาคต

ซึ่งแนวคิดนี้อาจจะเป็นคดีนี้ด้วย จากที่ได้ฟังคุณเมี่ยง (พี่สาวน้องเมย) พูดไว้จะมีการพูดถึงข้อกฎหมายและสงสัยว่า แพทย์สามารถเก็บอวัยวะได้ไหม และสามารถเก็บชิ้นส่วนใดได้บ้าง หากเป็นตนเองจะเลือกเก็บชิ้นเนื้อเพื่อทำเป็นแผ่นสไลด์ หากจะเก็บอวัยวะชิ้นใหญ่ก็จะขอทางญาติก่อน และจากที่ติดตามข่าวนี้ทราบว่า มีการผ่าพิสูจน์รอบ 2 ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ แต่จากวันนั้นถึงวันนี้ เหมือนจะยังไม่มีการยืนยันด้วยว่า อวัยวะนั้นเป็นของใคร

นายพิเชษฐ ตัญกาญจน์ พ่อน้องเมย กล่าวว่า วันที่ตนไปรับอวัยวะของน้องเมยที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า จำได้ว่า ผอ.กองพยาธิวิทยา ได้ออกมาแถลงข่าว แล้วเขายืนตรงข้ามกับผม แล้วบอกผมว่า คุณต้องเชื่อผม ต้องฟังผม นี่คืออวัยวะของลูกคุณ ผมก็ถามว่า ที่ผ่ามาแล้ว ร่างของลูกผมไม่มีอวัยวะเลยเป็นเพราะอะไร ทำไมไม่แจ้งผม

พ่อน้องเมย กล่าวต่อว่า ถ้าผมเผาไปแล้ว จะเหลืออะไร ผมก็สงสัยว่า ปกติแล้วการผ่าพิสูจน์จะใช้เวลา 1 วัน ก็น่าจะจบ แต่กรณีน้องเมยใช้เวลาถึง 2 วัน ซึ่งผมก็เก็บงำความสงสัยไว้ จนนำร่างลูกมาผ่าพิสูจน์รอบ 2 จึงได้รู้ว่า ร่างลูกผมไม่มีอะไรเลย และก็ได้รับการแจ้งว่า DNA เข้ากันไม่ได้

ด้าน นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ แม่น้องเมย กล่าวว่า ทางเขาแจ้งว่าเก็บชิ้นส่วนเพียงเล็กน้อย แต่ความเป็นจริงคือเอาไปทั้งยวง หลังจากนั้น แม่ได้ขออวัยวะไปทำพิธีทางศาสนาต่อ แต่ได้รับคำตอบว่า คุณแม่จะเอาไปทำอะไร มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณแม่เลย ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้คืน

รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี กล่าวเพิ่มว่า ในเคสทั่วไปๆ ถ้าเป็นเคสของผม หากผมพิสูจน์แล้วพบว่านี่ไม่ใช่ลูกของคุณแม่ ผมก็ให้ไม่ได้ สำหรับเรื่องนี้ทาง รพ.แรกให้อวัยวะคืนกลับมาแล้ว จากนั้นญาติได้นำมาตรวจรอบ 2 ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์แล้วพบว่า DNA เข้ากันไม่ได้ พอเวลาผ่านไป คุณแม่ไปขออวัยวะแล้วได้รับการแจ้งว่า คุณแม่จะเอาไปทำอะไร ไม่เกี่ยวข้องด้วย คำตอบนี้ก็ต้องนำมาตีความ

เมื่อถามว่า หากครอบครัวอยากได้อวัยวะคืนจะต้องทำอย่างไร รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี กล่าวว่า 8 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยออกมาพูดว่า ใช่ หรือไม่ใช่ ซึ่งตามข้อมูลแล้วถูกพิสูจน์มาว่า ไม่ใช่ ก็ต้องมาตามต่อว่า แล้วสิ่งที่ใช่อยู่ที่ไหน ก็ต้องเป็นกระบวนการทางกฎหมาย

ทั้งนี้ในรายการได้มีการติดต่อหา น.ส.สุพิชา ตัญกาญจน์ หรือ เมี่ยง พี่สาวของ น้องเมย เปิดเผยว่า หลังจากเอาอวัยวะไปที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จะมีขั้นตอนการระบุตัวตนชิ้นส่วนของศพว่า ใช่ของน้องเมยหรือไม่ แล้วในรายการที่คืนอวัยวะมาระบุว่า มี 2 รายการไม่พบพันธุกรรมดีเอ็นเอ ส่วนที่เหลือเขียนว่า พบสารพันธุกรรมแต่มีปริมาณน้อยมากจนไม่สามารถระบุหรือเปรียบเทียบได้ว่าเป็นใคร

หลังจากได้รับข้อมูลมา ได้พยายามสอบถามแพทย์คนแรก แต่เข้าไม่ได้ จึงทำหนังสือไปที่แพทยสภาว่ามีการทำตามขั้นตอนถูกหรือไม่ ซึ่งทางแพทยสภา ชี้แจงว่า แพทย์คนแรกทำตามขั้นตอนแล้ว แต่ขัดแย้งกับข้อมูลของแพทย์คนที่ 2 ที่ได้คุยว่า ไม่เป็นไปตามขั้นตอน เพราะถ้าทำตามขั้นตอนทุกอย่างจะไม่ส่งผลเสียหายต่ออวัยวะ แล้วเมื่อสรุปไม่ได้ว่า อวัยวะที่ส่งกลับมาเป็นของใคร ทำให้สรุปการเสียชีวิตของน้องเมยไม่ได้.

...


ข้อมูล รายการโหนกระแส