แกะรอย "โดรนกามิกาเซ่" หัวระเบิด เปิดอานุภาพทำลาย 15 เมตร บินร่วงฝั่งไทย คาดทหารเมียนมาโจมตีพลาดเป้า ชี้นำเข้าจากตะวันออกกลาง ปมสงสัยสร้างสถานการณ์ หรือระเบิดไม่ทำงาน

วันนี้ (22 ก.ค. 68) ที่บ้านขุนแม่เหว่ย หมู่ 5 ต.ท่าสองยาง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก พบวัตถุคล้ายอากาศยานไร้คนขับตกอยู่ในพื้นที่ป่าห่างจากพื้นที่หมู่บ้านประมาณ 5 กิโลเมตร จึงไปแจ้งให้เจ้าหน้าที่กองร้อยทหารพรานที่ 3502 อ.ท่าสองยาง


จากการตรวจสอบพบว่า เป็นโดรนแบบกามิกาเซ่ ติดถังแก๊สกระบอกติดหัวระเบิดพลัดมาตกในเขตไทย คาดทหารเมียนมาหวังโจมตีทหารกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) หรือกองกำลัง KNLA กองพลน้อยที่ 7 แต่พลาด พบตกอยู่ในป่า พื้นที่ราษฎรบ้านขุนแม่เหว่ยหมู่ 5 ต.ท่าสองยาง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก คาดเกิดความผิดพลาดของตัวโดรนทำให้เสียการควบคุมข้ามมาตกยังฝั่งไทย โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

แหล่งข่าวระดับสูงทางทหาร ที่ทำงานตามแนวชายแดน ประเมินว่า อาวุธดังกล่าวเป็นโดรนแบบพลีชีพ ประเทศที่ผลิตมีจีน รัสเซีย และอิหร่าน แต่โดยลักษณะมีความคล้ายกับที่ทำในรัสเซียและอิหร่านมากที่สุด โดยคาดว่าอาวุธชนิดนี้น่าจะเป็น Shahed 136 ของอิหร่าน ที่มีการซื้อไว้ตั้งแต่ปี 2566

...


ปกติโดรนแบบพลีชีพที่ใช้ทางการทหาร เมื่อซื้อมาอาจจะไม่ได้ใช้ทันที แต่ต้องมีการฝึกใช้งานและทำความคุ้นเคย การทำงานของโดรนชนิดนี้ จะมีการบรรจุระเบิดไว้ที่หัวของตัวโดรน แล้วบังคับตัวโดรนให้ไปชนกับพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งการทำงานของระเบิดจะสมบูรณ์ได้เมื่อบริเวณหัวของโดรนพุ่งชนเป้าหมาย จนทำให้วงจรของระเบิดทำงาน

ปกติโดรนชนิดนี้จะใช้ในทางทหาร ในพื้นที่ภูมิศาสตร์เปิดโล่ง เห็นเป้าหมายชัดเจน แต่กรณีนี้กลับมาตกในป่าที่ปกติทางทหารจะไม่นิยมใช้

ข้อดีของโดรนแบบพลีชีพ สามารถบังคับทิศทางเป้าหมายได้ชัดเจน ไม่ต้องมานั่งเล็ง ด้านการทำลาย เป้าหมายของโดรนสังหาร มักจะเป็นการทำลายในวงแคบ 15 เมตร เน้นการโจมตีให้เกิดการบาดเจ็บ


น่าสนใจว่า โดรนมาตกในพื้นที่ฝั่งไทย อาจมีความพยายามของฝ่ายที่ต้องการให้ทางการไทยออกมาแสดงความคิดเห็นอะไรบางอย่าง เพราะที่ผ่านมาก็มักมีการสร้างสถานการณ์ในลักษณะนี้ ที่ชนกลุ่มน้อยพยายามทำให้เห็นว่าฝั่งรัฐบาลเมียนมาใช้อาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรงตกมาฝั่งไทย แต่ก็น่าสนใจระเบิดบริเวณหัวของโดรนกลับไม่ได้ทำงาน

โดรนแบบพลีชีพ ราคาขายในตลาดอาวุธสงครามไม่ได้แพงมาก แต่ที่ราคาพุ่งสูงเนื่องจากมีค่าคอมมิชชั่น