พายุวิภา (Wipha) กำลังเคลื่อนตัวขึ้นชายฝั่งประเทศเวียดนาม และอ่อนกำลังลงเป็นดีเปรสชันในช่วงเช้าของวันนี้ (22 ก.ค.) ส่งผลต่อปริมาณฝนในพื้นที่บางส่วนในไทย มีความเร็วลมอยู่ที่ราว 100 กม./ชม. จนมีคำเตือนให้หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนักและน้ำท่วมเฉียบพลัน โดยเฉพาะพื้นที่ภูเขาและลุ่มน้ำที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ระหว่างวันที่ 22-24 ก.ค.นี้ ซึ่งทั้ง 2 พายุ มีความรุนแรงเป็นอันดับ 4 ของพายุที่เคยเข้าไทย 


กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า เมื่อเปรียบเทียบความรุนแรงระหว่างพายุวิภากับพายุยางิเมื่อปีก่อน พบว่า พายุยางิเกิดขึ้นช่วงมรสุมในเดือนกันยายน จึงมีความรุนแรงมาก ขณะที่พายุวิภานั้น มีตัวแปรอื่นที่ทำให้อ่อนกำลังลง เช่น มวลอากาศเย็นที่ด้านหน้าของพายุ ซึ่งต่างกับพายุยางิที่มีฝนตกนอกพื้นที่ประเทศไทยเยอะ แต่สิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือพื้นที่ จ.เชียงราย ที่ติดกับชายแดนเมียนมา อาจมีมวลน้ำไหลเข้ามาทำให้เกิดแผ่นดินถล่มหรือน้ำท่วมหนักได้

...


โดยกรมอุตุนิยมวิทยา จัดระดับพายุวิภาให้เป็น "พายุโซนร้อนกำลังแรง" ยังไม่ถึงระดับไต้ฝุ่น มีความเร็วลมไม่ถึง 118 กม./ชม. แต่สิ่งที่ผิดสังเกตคือ ปกติพายุจะเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตก แต่พายุวิภาเป็นการเคลื่อนตัวไปตามแนวชายฝั่ง หลายประเทศจึงตอบสนองด้วยการยกระดับการป้องกันเช่นเดียวกับระดับพายุไต้ฝุ่น โดยพายุวิภามีวงรอบที่แคบลง ติดแนวเขาที่ประเทศเวียดนาม


สำหรับจุดที่อาจมีฝนตกหนักต่อเนื่อง มีหลายพื้นที่ ได้แก่ จังหวัดน่าน เชียงราย แพร่ พะเยา ลำปาง รวมถึงเชียงรายและแม่ฮ่องสอนทางตอนบน จะมีฝนตกต่อเนื่องเบาสลับหนัก หากเป็นพายุลูกใหญ่จะตกเป็นบริเวณกว้างตลอดทั้งวัน อาจมีระดับสูงสุดเกิน 100 มม./วัน


ทั้งนี้ หลังจากพายุวิภาผ่านไป ก็อาจมีการก่อตัวของพายุลูกใหม่ทางฝั่งตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ได้ แต่หากเคลื่อนตัวขึ้นเหนือ ก็จะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย โดยหลังจากนี้จะมีก่อตัวของพายุเรื่อยๆ ยาวไปจนถึงช่วงเดือนกันยายน