โซเชียลวิจารณ์สนั่น ทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ กรณีตำรวจ สน.ปทุมวัน บังคับใช้กฎหมายเข้มไม่สวมหมวกกันน็อก วิ่งไล่กระชากไรเดอร์และผู้โดยสารสาวที่ไม่ได้สวมหมวกกันน็อก ได้รับบาดเจ็บ อ้างเป็นความผิดซึ่งหน้า ล่าสุดผู้เสียหายเข้าแจ้งความเตรียมเอาผิดกับนายตำรวจคนดังกล่าว

จากกรณีเพจ Facebook เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 6 ออกมาโพสต์คลิปวิดีโอ พร้อมข้อความระบุว่า “คลิปนี้ให้เสมอกัน ตำรวจก็ปฏิบัติหน้าที่ แต่อาจจะไม่เหมาะสม อีกฝ่ายก็ไม่คิดจะหยุด ตำรวจ สน.ปทุมวัน ไม่ตั้งด่าน วิ่งตามกระชากรถมอเตอร์ไซค์แกร็บ จนผู้โดยสารเกิดอุบัติเหตุหัวกระแทก ต้องเข้าโรงพยาบาล ผู้เสียหายคือหัวหน้าผมครับ หน้า MBK”

ซึ่งหลังจากมีการโพสต์เรื่องราวดังกล่าวออกไปได้มีคนเข้ามาคอมเมนต์และแชร์กันจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งคำถามถึงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ มีวิธีการทางออกที่ดีกว่านี้หรือไม่

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ สน.ปทุมวัน พบว่าตอนนี้ทั้งไรเดอร์คนขับ อายุ 36 ปี และหญิงผู้โดยสาร รวมถึงพี่ชายผู้โดยสารได้เดินทางไปที่ สน. ปทุมวัน เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับนายตำรวจภายในคลิปวิดีโอดังกล่าว

พี่ชายผู้เสียหายเปิดเผยว่า น้องสาวเป็นผู้โดยสารซ้อนท้ายคนที่กำลังขับไรเดอร์เรียกรถจากแยกสามย่านไปยังพญาไท พอขับไปถึงจุดเกิดเหตุ (หน้า MBK) สังเกตเห็นว่ามีตำรวจจราจรยืนอยู่ไม่กี่คน ไม่ได้มีการตั้งด่านเป็นกิจลักษณะ และด่านดังกล่าวมีการตรวจจับเกี่ยวกับผู้ที่ไม่สวมใส่หมวกกันน็อก ซึ่งชายคนขับไรเดอร์สวมใส่หมวกกันน็อก แต่คนซ้อนที่เป็นน้องสาวของตนเองนั้นไม่ได้สวมใส่หมวกกันน็อก พอถึงจุดที่ตรวจทำให้คนขับไรเดอร์ตัดสินใจขี่รถหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจไป ตำรวจได้วิ่งตามจับก่อนจะกระชากน้องสาวของตนเองหล่นลงมาจากรถจักรยานยนต์

...

จนทำให้น้องสาวของตนเองได้รับบาดเจ็บศีรษะมีอาการบวมช้ำ หัวไหล่มีรอยถลอกช้ำ ส่วนคนขี่ไรเดอร์ได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าเป็นแผลถลอก

ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าว ตนทราบว่าเขาเป็นคนเรียกรถพยาบาลให้กับน้องสาวและคนขี่ไรเดอร์ นอกจากนี้ยังมีผู้บังคับบัญชาได้โทรศัพท์เข้าไปหานายตำรวจคนดังกล่าวให้เข้ามาขอโทษน้องสาว รวมถึงคนขี่ไรเดอร์ที่ สน.ปทุมวัน เบื้องต้นเขาได้มาขอโทษแล้ว แต่ตอนนี้ตนเองและน้องสาวจะแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนไรเดอร์ ตัวเองและน้องสาวไม่ได้ติดใจเอาความแต่อย่างใด เพราะตั้งแต่เกิดเหตุเขาก็อยู่กับน้องสาวมาโดยตลอดยอมรับผิดพร้อมบอกว่าจะชดใช้ค่ารักษาพยาบาลให้กับน้องสาว

ส่วนตัวมองว่าทุกคนก็ผิดกันหมด แต่ผิดก็ว่าไปตามผิด ให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการแจ้งความ ตนทราบมาว่ามีตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาคุยกับตนแล้วแต่ตนไม่ทราบว่าเป็นใคร ตำรวจให้ข้อมูลว่าเป็นการตั้งด่านจราจร ตรวจสอบผู้ไม่ใส่หมวกกันน็อก และเห็นว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเหตุซึ่งหน้า จึงเข้าระงับเหตุ

และอยากฝากถึงสังคมว่า ทั้งคนขับและคนซ้อนจะต้องระมัดระวังตัวเองให้ดี จะต้องมีหมวกกันน็อกทั้ง 2 ใบ และผู้ซ้อนควรเรียกร้องหมวกกันน็อกจากผู้ขี่หากไม่มีก็ควรไม่ขึ้นรถไปเพื่อป้องกันความปลอดภัย และในส่วนของตำรวจก็อยากจะให้มองว่าการกระทำดังกล่าวนั้นมันเกินกว่าเหตุหรือไม่

ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า ไรเดอร์คนดังกล่าวต้องเสียค่าปรับ 1,500 บาท พร้อมถูกแจ้งข้อหา 1.ไม่จัดหาหมวกกันน็อคให้ผู้โดยสาร 2.ฝ่าไฟแดง 3.ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานหยุดรถ 4.ไม่พกใบขับขี่ในขณะเจ้าหน้าที่เรียก / และตอนนี้ผู้เสียหายต้องการแจ้งความดำเนินคดีกับนายตำรวจคนดังกล่าว แต่ยังไม่สามารถแจ้งความได้ พนักงานสอบสวนจะให้ผู้เสียหายนั้นลงบันทึกประจำวันเอาไว้ แต่ผู้เสียหายไม่ยินยอม ขณะนี้ทางไรเดอร์และผู้เสียหายได้ขึ้นไปพูดคุยกับผู้กำกับการ สน.ปทุมวัน