ผู้บริหารสวนเสือภูเก็ต แจงแล้วเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวอินเดียพยายามเซลฟี่โดนเสือจู่โจมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ ยันไม่ได้เกิดขึ้นภายในจังหวัดภูเก็ต

จากกรณีสื่อต่างชาติโพสต์คลิปวิดีโอ นักท่องเที่ยวโดนเสือทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บและต่อมามีสื่อของประเทศไทยแชร์ว่า เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย ขณะกำลังเที่ยวอยู่ที่สวนเสือแห่งหนึ่งที่ จ.ภูเก็ต และพยายามจะถ่ายเซลฟี่กับเสือ แต่ถูกเสือจู่โจมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ โดยจากคลิปวิดีโอที่กลายเป็นไวรัลอยู่ทั่วโลกออนไลน์

เมื่อวันที่ 29 พ.ค. แสดงให้เห็นภาพนักท่องเที่ยวชาวอินเดียจูงเสือออกมาเดิน โดยมีเจ้าหน้าที่คอยดูอยู่ และเจ้าหน้าที่ได้บอกให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปกับเสือ นักท่องเที่ยวจึงนั่งลง ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ใช้ไม้สะกิดเสือ ทำให้เสือหันไปตะปบนักท่องเที่ยวที่กำลังนั่งอยู่ และเจ้าหน้าที่พยายามเข้าไปช่วย โดยในคลิปไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง มีแต่เสียงกรีดร้องเสียงดัง แต่มีรายงานว่านักท่องเที่ยวรายนี้รอดชีวิตมาได้ และได้รับบาดเจ็บไม่มากนัก ซึ่งข่าวระบุว่า สวนเสือแห่งนี้จะเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถใกล้ชิดกับเสือได้ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้บรรดาชาวเน็ตต่างออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวในการใกล้ชิดกับเสือ

...

ล่าสุดวันนี้ (4 มิ.ย. 68) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยัง ไทเกอร์ คิงดอม สวนเสือในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งตั้งอยู่บนถนนพระบารมี หมู่ 7 ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ได้เข้าพบกับ น.ส.ทิพวรรณ ประทุมมณี กรรมการผู้บริหารบริษัทสวนเสือภูเก็ต, น.ส.ชฎารัสมิ์ เถาว์แดง ผู้จัดการทั่วไป และ น.ส.กัญญารัตน์ วันจันทึก หัวหน้างานฝ่ายขายและบริการลูกค้า ซึ่งทั้ง 3 ท่านได้แจงกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พร้อมพาผู้สื่อข่าวชมภายในสวนเสือ และสัมผัสเสือโดยตรง ซึ่งเสือที่นี่มีความเชื่อง ไม่ดุร้าย ที่สำคัญคือไม่มีการล่ามโซ่แต่อย่างใด บริเวณภายในกรงที่ให้เสืออยู่กว้างขวาง มีสระน้ำไว้ให้เสือได้เล่น

จากนั้นทั้ง 3 ท่านได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าว นำโดย น.ส.ทิพวรรณ ประทุมมณี กล่าวว่าครั้งแรกเห็นคลิปแล้ว เรารู้สึกตกใจมากเพราะทั้งคนและเสือเป็นอย่างไรหรือเปล่าเพราะห่วงความปลอดภัย และไม่คิดว่าจะเป็นประเทศไทย แล้วยิ่งมาขึ้นชื่อว่าสวนเสือภูเก็ตด้วยก็เลยตกใจและก็ไม่เคยเห็นมาก่อน และตามคลิปคือเสือล่ามโซ่ แต่เสือที่นี่ไม่ล่ามโซ่ เสื้อพนักงานก็ชัดเจนว่าไม่ใช่สวนเสือภูเก็ต แสดงความห่วงใยกับผู้ประสบเหตุการณ์ด้วย

ด้าน น.ส.กัญญารัตน์ วันจันทึก กล่าวต่อว่าทางเรามีการยึดมั่นธรรมาภิบาล เราไม่ให้เสือเครียดโดยการล่ามโซ่หรือลากจูง พนักงานที่นี่มีการฝึกอบรมมาอย่างดี โดยเสือของเราเพาะพันธุ์เอง เสือทุกตัวจะผ่านการเลี้ยงดูจากมนุษย์ ซึ่งเรียกว่าเป็นแมวได้เลย ส่วนด้านความปลอดภัยเราเน้นย้ำเป็นพิเศษเรามีการอบรมพนักงานในการที่นักท่องเที่ยวจะไปสัมผัสเสือเราจะมีข้อห้ามต่างๆ ว่านักท่องเที่ยวต้องระวังด้านใดบ้าง

เราจะเน้นย้ำนักท่องเที่ยวทุกคนที่ไปใช้บริการและจะมีความพร้อมทั้งเสือการให้บริการทุกอย่างทุกอย่างต้องพร้อมหมดไม่ว่านักท่องเที่ยวเองหรือท่านนักท่องเที่ยวไม่มีความพร้อมเช่นเมาสุราซึ่งมีความเสี่ยงเราก็จะไม่ให้เข้าไป และขอให้มั่นใจธรรมาภิบาลของเราที่เรามีสวัสดิการในการเลี้ยงเสือไม่ให้เสือเครียด

ด้าน น.ส.ชฎารัสมิ์ เถาว์แดง กล่าวเสริมว่าของเรามีใบอนุญาตที่ถูกต้องตามกฎหมายในการเพาะพันธุ์และดูแลเสือ เรามีคุณหมอมีโภชนาการที่คอยดูแลและให้อาหารเขา และสุขภาพของพนักงานและเสือเป็นอย่างดี ถ้าเสือไม่พร้อมเราก็ดูแลเสือให้พร้อมก่อนที่จะให้บริการลูกค้า นักท่องเที่ยวที่กลุ่มเสี่ยงจะไม่ให้เข้าไปดูเสือของเรา ทางเราอยากจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวตามที่เห็นภาพ เข้าใจว่าน่ากลัว มันก็สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ถ้ามาที่สวนเสือภูเก็ต มั่นใจว่าไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นแน่นอนเพราะหนึ่งเราไม่ล่ามโซ่ เพราะการล่ามโซ่ใครก็ไม่ชอบเพราะเป็นเหมือนการบังคับผูกแขนเขาอย่างในภาพก็คือเหมือนกับอยากให้นักท่องเที่ยวเดินไปด้วยเหมือนกับสัตว์เลี้ยง แต่ที่นี่ถ้าลูกค้าจะเดินกับเสือเราไม่ให้เดิน เราไม่ตามใจนักท่องเที่ยว เราจะแล้วแต่เสือเราต้องดูพฤติกรรมของเสือแต่ละวัน

น.ส.กัญญารัตน์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า นโยบายในการที่เราทำสวนเสือนี้ขึ้นมา เพื่อที่เราจะปกป้องเสือจากที่เขาอยู่ปกติในป่าอย่างเสือตัวหนึ่งอยู่ในป่า อย่างที่ผู้บริหารชี้แจง หรือแม้แต่เราเห็นรอยเท้าเสืออยู่ในป่า อาจจะทำให้เสือตัวนั้นไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป เราก็เลยมีสวนเสือขึ้นมาเรามีหลายสาขา ในนามไทเกอร์ปาร์ค เราจะขยายไปเรื่อยๆ มีโปรแกรมที่ทำให้เสือได้อยู่กับธรรมชาติได้มากขึ้น ที่นี่เราเปิดมานานสารที่ตรงนี้ค่อนข้างจะแคบเรามีโครงการที่จะขยายให้ใหญ่ขึ้นเราจะมีพื้นที่ให้เสือได้มากกว่านี้โดยไม่ต้องจะอยู่ในพื้นที่แคบๆ

น.ส.ทิพวรรณ กล่าวเห็นเสือล่ามโซ่แล้วก็สะเทือนใจเหมือนกัน และเกิดเหตุการณ์บาดเจ็บแบบนี้ขึ้นมาก็ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ นอกจากที่นี่ไม่ล่ามโซ่แล้วเรายังปล่อยให้เขาอยู่ในพื้นที่กว้างๆ ในป่าของเขาเพราะเสือเจ้าป่าของประเทศไทย ทางด้านเอเชียของเราอยู่แล้วอยากจะเรียนเชิญทุกท่านแวะมาเที่ยวที่ Tiger Kingdom ภูเก็ต Tiger Park พัทยา ไทเกอร์ปาร์คเชียงใหม่ เราไม่ใช่เพิ่งเริ่มต้นแต่เราเริ่มต้นขึ้นมานานแล้ว ที่พัทยามีโซนที่ปล่อยเสือเข้าป่าแล้วก็เราขับรถเข้าป่าไปดูเสือและภูเก็ตก็มีสกายวอล์คสามารถเดินดูเสือจากวิวต้นไม้ด้านบนได้ว่าระหว่างวันเสือทำอะไร เราพยายามที่จะจำลองป่าให้ทุกคนเข้าชมมากขึ้นให้ดูว่าเสือน่ารักแค่ไหนถ้าเราไม่ได้ไปทำร้ายเขา.