เปิดขั้นตอนการขอปรับโครงสร้างหนี้ออนไลน์ กยศ. เช็กเงื่อนไขสถานะผู้กู้แบบไหน ถึงจะทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ได้ 

จากกรณีกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ชี้แจงกรณีหักเงินเดือนบัญชีละ 3,000 บาท สำหรับผู้กู้ยืมที่มีสถานะค้างชำระ โดยไม่รวมผู้ที่ได้ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ มีผลตั้งแต่ เม.ย. 68  ซึ่งถ้าผู้กู้ยืมไม่ต้องการให้นายจ้างหักเงินตามที่กองทุนฯ แจ้งในเดือนนี้ ต้องปฏิบัติตามข้อใดข้อหนึ่งดังนี้

  • ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อลดจำนวนการผ่อนชำระต่อเดือน ขยายเวลาการผ่อน ลดเบี้ยปรับให้ 100% และปลดผู้ค้ำประกันให้
  • ชำระยอดหนี้ค้างให้เสร็จสิ้น หากผู้กู้ยืมชำระแล้วให้ผู้กู้ยืมเงินนำหลักฐานการชำระแจ้งต่อนายจ้างแล้ว ให้นายจ้างลบยอดออก 3,000 บาท จากยอดหักเงินเดือนในเดือนเมษายน 2568 ได้

ลูกหนี้ กยศ. ขอปรับโครงสร้างหนี้ออนไลน์ด้วยตัวเอง

กลุ่มเป้าหมาย

  • กลุ่มก่อนฟ้องคดี
  • กลุ่มที่บอกเลิกสัญญาแล้วแต่ยังไม่ฟ้องคดี
  • กลุ่มที่ฟ้องคดีแล้วแต่ศาลยังไม่มีคำพิพากษา
  • กลุ่มที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วแต่ยังไม่บังคับคดีและได้บังคับคดีไปแล้ว
  • กลุ่มอื่น ๆ ทั้งหมด

เงื่อนไขการปรับโครงสร้างหนี้

  • ผู้กู้ยืมจะต้องผ่อนชำระเงินคืนกองทุนเป็นรายเดือนในอัตราเท่ากันทุกเดือน
  • ผู้กู้ยืมต้องชำระภายในวันที่ 5 ของทุกเดือนให้เสร็จสิ้นภายใน 15 ปี
  • ในการชำระเงินงวดสุดท้าย ผู้กู้ยืมต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์
  • การคำนวณยอดหนี้ที่จะนำมาปรับโครงสร้างหนี้

...

ทั้งนี้ กองทุนฯ จะนำรายการชำระหนี้ของผู้กู้ยืมนับแต่วันที่ครบกำหนดชำระหนี้ครั้งแรกมาคำนวณใหม่ตามที่กฎหมายกำหนด ในกรณีคำนวณยอดหนี้ใหม่แล้วไม่มียอดหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยคงเหลือ กองทุนฯจะปรับโครงสร้างหนี้ให้ผู้กู้ยืมและให้ส่วนลดเบี้ยปรับ 100% โดยถือว่าผู้กู้ยืมได้ชำระหนี้ปิดบัญชีเรียบร้อยแล้ว

สำหรับผู้กู้ยืมที่มียอดหนี้คงเหลือและอยู่ระหว่างการผ่อนชำระ กองทุนฯจะนำรายการชำระหนี้ของผู้กู้ยืมเงินแต่ละรายนับแต่วันครบกำหนดชำระหนี้ครั้งแรก มาคำนวณตัดชำระหนี้ใหม่ จากเดิมตัดเบี้ยปรับ ดอกเบี้ย และเงินต้น แต่เมื่อปรับโครงสร้างหนี้ใหม่จะตัดเงินต้น (เฉพาะส่วนที่ครบกำหนด) ดอกเบี้ย และเบี้ยปรับตามลำดับ

- อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี และอัตราเบี้ยปรับ 0.5% ต่อปี
- ในส่วนของเบี้ยปรับทั้งหมด กองทุนฯจะพักแขวนไว้ เมื่อผู้กู้ได้ทำการชำระหนี้ปิดบัญชีจะได้รับส่วนลดเบี้ยปรับ 100%
- เมื่อทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้แล้วผู้ค้ำประกันจะหลุดพ้นจากสัญญาค้ำประกันเงินกู้ทันที
- ในกรณีที่ผู้กู้ยืมผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้สะสมถึง 6 งวด หรือเมื่อผู้กู้ยืมมีงวดผ่อนชำระเหลือไม่ถึง 6 งวด หากผิดนัดชำระงวดใดงวดหนึ่งถือว่าผิดนัดชำระหนี้ทั้งหมด ให้ถือว่าสัญญาปรับโครงสร้างหนี้สิ้นสุดลง กองทุนฯจะนำเบี้ยปรับที่ตั้งพักแขวนไว้กลับคืนมาเป็นทุนทรัพย์เพื่อดำเนินการฟ้องร้องหรือบังคับคดีกับผู้กู้ยืมต่อไป

วิธีการทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ แบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Contract) ของ กยศ.

ผู้กู้ยืมที่ลงทะเบียนนัดหมายเข้าทำสัญญาที่สำนักงาน กยศ. หรือต่างจังหวัด หรือ กรมบังคับคดี สามารถทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ออนไลน์ได้ด้วยตนเอง

ตั้งค่า Google Chrome เป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้น

Android

  • ไปที่การตั้งค่า (Settings) ของโทรศัพท์
  • เลื่อนลงและเลือก แอป (Apps) หรือ แอปพลิเคชันเริ่มต้น (Default Apps)
  • เลือก เบราว์เซอร์เริ่มต้น (Default Browser App)
  • เลือก Google Chrome
     

iOS

  • เปิด การตั้งค่า (Settings)
  • เลื่อนลงมาจนเจอ แอป (Apps) แล้วกดเข้าไป
  • ค้นหา Google Chrome และกดเข้าไป
  • เลือก แอปเบราว์เซอร์เริ่มต้น (Default Browser App)
  • กดเลือก Google Chrome

ขั้นตอนการทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้แบบอิเล็กทรอนิกส์ มีขั้นตอนดังต่อไปนี้

1. เลือกกดปุ่มทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ แบบอิเล็กทรอนิกส์
2. กรอกเลขประจำตัวประชาชน เพื่อตรวจสอบสิทธิ์ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้
3. กรอกวันเดือนปีเกิด (ปีพ.ศ.)
กรณีข้อมูลไม่ถูกต้อง : หาก วัน/เดือน/ปีเกิด ที่ผู้กู้ยืมระบุเข้ามา ไม่ตรงกับในฐานข้อมูลในระบบ ระบบจะแสดงแจ้งเพื่อให้ผู้กู้ยืมระบุ วัน/เดือน/ปีเกิด ที่ถูกต้องเพื่อดำเนินการในกระบวนการแก้ไขข้อมูลโดยเจ้าหน้าที่กองทุนฯ ต่อไป โดยหากแก้ไขข้อมูลเสร็จสิ้นแล้ว จึงจะสามารถดำเนินการขั้นตอนถัดไปได้
4. แสดงวิธียืนยันข้อมูลส่วนบุคคลด้วยการสแกน QR Code ด้วยแอพพลิเคชัน ThaID ผู้ใช้งานกดปุ่ม “ถัดไป” เพื่อสแกน QR Code
5. ระบุเบอร์โทรศัพท์มือถือ และอีเมล และเลือกเลขบัญชีเงินกู้ยืมที่จะทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้
6. อ่านและทำเครื่องหมายถูกในช่องเงื่อนไขข้อกำหนดการเก็บรวบรวมข้อมูล จากนั้นกดปุ่ม "บันทึกรายละเอียดสัญญาปรับโครงสร้างหนี้"
7. ระบบจะสร้างรายละเอียดข้อมูลผู้กู้ยืม ข้อมูลรายละเอียดบัญชี และยอดหนี้ที่ต้องผ่อนจ่ายต่อเดือนให้ผู้กู้ยืม ตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นจึงกดปุ่ม "รายละเอียดสัญญา"
8. จากนั้นทำเครื่องหมายถูกในช่องสี่เหลี่ยม เพื่อรับรองข้อมูลรายละเอียดความถูกต้อง และกดปุ่ม "ยืนยัน"
9. สแกน QR Code ผ่านแอพพลิเคชั่น ThaID ยืนยันตัวตน (ลงลายมือชื่อแบบอิเล็กทรอนิกส์)
10. จะมีแจ้งเตือนให้ตรวจสอบว่าอีเมลที่ระบุมาถูกต้องหรือไม่ หากตกลง ระบบจะส่งลิงค์ยืนยันการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้ผู้กู้ผ่านทางอีเมลดังกล่าว
11. ระบบจะส่งลิงค์ยืนยันการทำรายการไปที่อีเมลที่ผู้กู้ยืมได้ให้ไว้หน้าลงทะเบียน และให้ยืนยันการทำรายการเพื่อลงนามการทำสัญญา ผู้กู้จะเห็นข้อความที่ส่งโดยระบบในกล่องข้อความอีเมลของผู้กู้ ให้กดยืนยันการทำรายการ ภายใน 5 นาที
12. เสร็จสิ้นกระบวนการทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้แบบอิเล็กทรอนิกส์ หากผู้กู้ยืมยังมีบัญชีเงินกู้อื่นๆ ที่มากกว่า 1 บัญชี ระบบแจ้งให้ท่านทราบดังรูปตัวอย่าง
13. กดที่ปุ่ม "ตรวจสอบสัญญา" เพื่อตรวจสอบสัญญาปรับโครงสร้างหนี้พร้อมดาวนโหลดเอกสารสัญญา

ทั้งนี้ หากไม่สามารถทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ได้ ระบบจะแสดงข้อความให้ทราบตามเหตุผลต่างๆ อาทิ ผู้กู้ได้รับเงินคืนเรียบร้อยแล้ว, ผู้กู้เป็นลูกหนี้ที่ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดหรือเป็นบุคคลล้มละลาย, ผู้กู้ได้ทำการจ่ายหนี้ปิดบัญชีแล้ว, ผู้กู้มีสิทธิ์ได้รับเงินคืน, ผู้กู้อยู่ระหว่างพิจารณาคดีในชั้นศาล, ผู้กู้ที่เคยทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ไปแล้ว และ ผู้กู้ยังไม่ถึงกำหนดชำระหนี้

อ้างอิง กยศ.