เจ้าของร้านแพเปียก ริมน้ำปิง ขอโทษ พร้อมชี้แจงกรณีโคโยตี้เต้นยั่ว เปิดกางเกงโชว์จนเห็นจีสตริง หวังเอนเตอร์เทนนักท่องเที่ยว บอกต่อไปจะเปลี่ยนเป็นรำไทยแทน

วันที่ 9 เม.ย. 68 ความคืบหน้ากรณีดราม่า หลังเฟซบุ๊กเพจของอินฟลูเอนเซอร์สาวชื่อดังในจังหวัดเชียงใหม่ ได้โพสต์ข้อความแจงดราม่า เชิญชวนเที่ยวแพเปียกแห่งหนึ่งใน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีโคโยตี้นุ่งจีสตริง เต้นยั่วยวน จนเกินงาม เนื่องจากบริเวณนั้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นิยมมากันเป็นครอบครัว ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ ก่อนที่เธอจะโพสต์ชี้แจงว่า "ขบวนรถทัวร์ฟังก่อน น้องคือคนไปเที่ยว เห็นเลยถ่ายมาลง แค่นั้น น้องไม่ใช่เจ้าของร้าน เมื่อกี้เจ้าของร้านทักมาคุยบอกว่าทางร้านจะปรับปรุงเค้าจะให้โคโยตี้ใส่ผ้าซิ่นใส่โจงกระเบนใส่เสื้อแขนยาวแล้วก็ฟ้อนแทนการเต้นโคโยตี้เจ้า #ดราม่าแพป้อโก้ เหมืองแก้ว"

ขณะที่ล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา นายวัชระ เทพกันต์ นายอำเภอแม่ริม ได้สั่งการให้นายธีรวัฒน์ ณ ลำพูน ปลัดอำเภอแม่ริม พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง วัฒนธรรม สาธารณสุข เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ริม และเทศบาลตำบลเหมืองแก้ว ลงพื้นที่ตรวจสอบ โดยยืนยันว่าเป็นแพเปียกริมน้ำปิงในพื้นที่ตำบลเหมืองแก้วจริง ตามที่เป็นข่าว 

...

โดยมีนายชนพัฒน์ รักกะเปา ผู้ดูแลพื้นที่ นำเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบ และได้พบกับนายเชฐา รุ่งเรือง เจ้าของร้านป้อโก้ ซึ่งเป็นผู้จ้างโคโยตี้มาแสดง ซึ่งนายเชฐายอมรับว่า เป็นผู้ว่าจ้างรถแห่และโคโยตี้มาเต้นเพื่อเอนเตอร์เทนลูกค้า ยืนยันว่าได้มีข้อตกลงกับผู้หญิงที่มาเต้นให้แต่งกายให้เหมาะสม ไม่โป๊เกินไป แต่เมื่อหน้างาน มีลูกค้าให้ทิป นักเต้นก็เดินไปเต้นบนแพลูกค้า หวังจะเอนเตอร์เทน และเกิดเหตุการณ์ถอดกางเกงลงจนเห็นกางเกงในตามคลิปที่เผยแพร่ไป จึงอยากขอโทษสังคมกับเหตุการณ์ไม่เหมาะสมที่เกิดขึ้น จากนี้ หลังจากทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่แล้ว จะไม่ให้มีการแสดงในลักษณะยั่วยวนหรืออนาจารอีก แต่อาจจะเปลี่ยนเป็นชุดรำไทยมาเพิ่มสีสันแทน

ด้าน นายชนพัฒน์ รักกะเปา ผู้ดูแลพื้นที่เผยว่า ขณะนี้ได้พูดคุยทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่แล้ว และได้แจ้งผู้ประกอบการร้านค้าทั้ง 17 ร้านในพื้นที่ ขอความร่วมมือไม่จัดแสดงในลักษณะเช่นนี้อีก เพราะก่อนหน้าก็มีการทำความเข้าใจและขอความร่วมมือไปแล้ว แต่ก็ยังเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น โดยกลุ่มผู้ค้าได้ขออนุญาตใช้พื้นที่จัดงานเป็นเวลา 1 เดือน ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 2 พฤษภาคมนี้ พร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทุกอย่าง และยอมรับว่าข่าวที่ออกไปทำให้ชาวบ้านในพื้นที่รู้สึกไม่สบายใจ จากนี้ไปจะต้องคุมเข้มและดูแลกันให้มากขึ้น

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเชิญผู้ดูแลพื้นที่ เจ้าของร้าน และโคโยตี้สาวไปสอบสวน หากพบว่ามีการกระทำที่เข้าข่ายอนาจาร ก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป พร้อมกันนี้ ได้มีการออกตรวจตราแพริมน้ำปิงในพื้นที่อำเภอแม่ริม ซึ่งมีการขออนุญาตประกอบกิจการไว้ทั้งหมด 4 แห่ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันนี้อีก