ครอบครัวเชื่อ "ยุ้ย" ดาว Tiktok ไม่ได้โหมทำงานหนักจนป่วยเสียชีวิต คาดเกิดจากการ "แพ้ยา" พร้อมเรียกร้องความเป็นธรรมจากทางโรงพยาบาล
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ข้อความไว้อาลัยต่อการเสียชีวิตของ "ยุ้ย" ดาว Tiktok ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 3 แสนคน ซึ่งเสียชีวิตหลังจากทำงานหนักโดยไม่พักผ่อนจนทำให้ภูมิตกและป่วยหนักด้วยอาการแพ้ยาอย่างรุนแรง ซึ่งเจ้าตัวก็ได้โพสต์อัปเดตเรื่องราวอาการของตัวเองตั้งแต่เข้าโรงพยาบาล
โดยยุ้ยเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม 2567 ด้วยอาการแพ้ยาอย่างรุนแรง มีผื่นขึ้นเต็มตัว ไข้สูง ต่อมน้ำเหลืองโต ตับอักเสบรุนแรง และปอดอักเสบจนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและรอการปลูกถ่ายปอด และก่อนเสียชีวิต ยุ้ยได้โพสต์ข้อความว่า เธอความทุกข์ทรมานจากอาการป่วยและความกังวลเกี่ยวกับการหาเลี้ยงครอบครัว โดยเธอบอกด้วยว่า อยากมีสุขภาพแข็งแรงและใช้เวลากับครอบครัวมากขึ้น
ล่าสุด คุณขวัญณฐฐา มากมี อายุ 45 ปี แม่ของน้องยุ้ย เล่าว่า ลูกสาวเข้าทำการรักษาตัวถึง 4 โรงพยาบาลก่อนจะเสียชีวิต โดยเริ่มมีอาการป่วย มีไข้ และเหมือนมีก้อนอะไรบวมๆ บริเวณคอ วันที่ 3 ธันวาคม 2567 แฟนของลูกสาวจึงพาลูกสาวไปโรงพยาบาลและทำการแอดมิตโรงพยาบาลแรก ซึ่งหมอสั่งให้งดน้ำและงดอาหาร พร้อมทั้งให้ยาและรักษาตามอาการ
ต่อมาช่วงกลางดึกของวันที่ 4 ลูกสาวเริ่มมีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ คือชาตามมือตามเท้าและคันยิบๆ ตามตัว ลักษณะเหมือนอาการแพ้ยาจึงรีบแจ้งหมอและพยาบาล แต่หมอและพยาบาลบอกว่าอาจจะเกิดจากความกังวลและคิดมากไปเอง จึงทำการรักษาต่อ
แต่ลูกสาวยังอาการไม่ดีขึ้นและเริ่มทรุดหนักลง จึงขอออกจากโรงพยาบาลวันที่ 5 ธันวาคม โดยกลับมาถึงบ้านไม่ถึง 1 ชั่วโมงมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง แฟนของลูกสาวจึงพาไปรักษาที่โรงพยาบาลที่ 2 โดยแจ้งหมอว่า มีอาการปวดท้องเป็นหลัก ซึ่งโรงพยาบาลที่ 2 ทำการรักษาต่อ โดยที่ครอบครัวแจ้งแล้วว่า มีอาการลักษณะคล้ายแพ้ยา แต่ไม่ทราบชื่อและชนิดของยา
...
ทั้งนี้ ลูกสาวได้ทำการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลที่ 2 ประมาณ 20 วัน ซึ่งโรงพยาบาลที่ 2 ได้ทำการตรวจและพบว่า คนไข้มีภาวะตับอักเสบรุนแรง จึงทำการรักษาตามอาการและต่อมาพบว่าคนไข้มีอาการแพ้ยาร่วมด้วย และรักษาต่อตามอาการ แต่ลูกสาวอาการไม่ดีขึ้น มีอาการบวมตามแขนขาปากลอกลิ้นพองและมีน้ำไหลตามผิวหนัง และหมอตรวจพบอีกว่า มีภาวะปอดอักเสบรวมถึงภาวะไตอักเสบ
จากนั้นหมอจึงส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลที่ 3 เนื่องจากโรงพยาบาลที่ 2 ไม่มีหมอเฉพาะทางด้านปอด ซึ่งลูกสาวมาอยู่ที่โรงพยาบาลที่ 3 ประมาณเกือบเดือน แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น มีแต่ทรุดหนักลง ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และลูกสาวมีภาวะหัวใจหยุดเต้น 6 ครั้ง และทำการผ่าตัดด่วนด้วยการใส่เครื่องพยุงปอดและหัวใจ ก่อนจะส่งตัวไปยังโรงพยาบาลที่ 4 เพราะว่ามีอุปกรณ์ครบครันกว่า ซึ่งในระหว่างส่งตัวน้องมีภาวะไตวายเฉียบพลันด้วย
หลังจากไปอยู่โรงพยาบาลที่ 4 ต่ออีกเดือนกว่า รักษาด้วยการฟอกไต 24 ชั่วโมงและอาจจะต้องผ่าตัดเปลี่ยนปอด ซึ่งแฟนและพ่อของลูกสาวพร้อมที่จะยกปอดให้ยุ้ย แต่พอรักษาระยะหนึ่ง หมอโรงพยาบาลที่ 4 ประเมินอาการแล้วไม่สามารถทำการผ่าตัดได้ จึงต้องใส่เครื่องพยุงปอดและหัวใจไว้ตลอด 24 ชั่วโมงเช่นกัน สุดท้าย 26 กุมภาพันธ์ 2568 น้องเสียชีวิต
สำหรับตลอดการรักษาทั้ง 4 โรงพยาบาล ผู้เป็นแม่มองว่าโรงพยาบาลแรกควรแสดงความรับผิดชอบ เพราะน้องเข้าไปรักษาด้วยอาการเจ็บป่วยธรรมดา แต่กลับให้ยาที่ทำให้น้องมีอาการแพ้อย่างรุนแรง จนเกิดภาวะแทรกซ้อน ซึ่งเธอได้ติดต่อไปที่โรงพยาบาลตั้งแต่น้องย้ายมาอยู่โรงพยาบาลที่ 2 แต่จนถึงขณะนี้ทางโรงพยาบาลแรกก็ยังเงียบไม่ได้ติดต่อมาแสดงความรับผิดชอบบอกเพียงว่าเสนอเรื่องให้แพทยสภาและอยู่ระหว่างการหารือกับผู้ใหญ่
ทางด้าน นายภูวกร คูหาเปรมกิจ อายุ 25 ปี แฟนของน้องยุ้ย เล่าว่า มีประเด็นที่โซเชียลนำไปแชร์กันและเข้าใจคลาดเคลื่อนหลายอย่าง ที่บอกว่าแฟนสาวของตนทำงานหนักจนป่วยเข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิต ความจริงแล้วตนมองว่าที่แฟนสาวเสียชีวิตเกิดจากการแพ้ยา เพราะเวลาแฟนทำงานก็แบ่งเวลา มีเวลานอน มีเวลาพาลูกพาครอบครัวเที่ยว ซึ่งตนอยู่กับแฟนตลอด 24 ชั่วโมง รู้กิจวัตรต่างๆ อย่างดี
ทั้งนี้ แฟนไม่ได้โหมงานหนักจนร่างกายทรุด แต่ที่แฟนเข้าโรงพยาบาลมาจากอาการมีไข้และมีอาการบวมที่บริเวณคอ พอแอดมิตโรงพยาบาลแรก คืนที่ 2 ก็เริ่มมีอาการคล้ายแพ้ยาเกิดขึ้น จนอาการทรุดหนักและเสียชีวิต