เจ้าอาวาสเซลฟี่คู่สีกา สึกแล้ว ร้องไห้ไม่ตอบคำถามสื่อ ก่อนออกจากวัด ยอมรับในภาพเป็นตัวเองจริงเมื่อ 3 ปีก่อน ไม่ใช่ภาพตัดต่อ
จากกรณีเพจ "อีซ้อขยี้ข่าว" โพสต์ภาพชายหญิงคู่หนึ่ง พร้อมกับภาพพระสงฆ์มีสีกานั่งอยู่พื้น ซึ่งระบุว่าเป็นคนเดียวกัน พร้อมข้อความระบุว่า "เจ้าอาวาสวัดหนึ่งใน จ.ขอนแก่น กลางวันอยู่วัด กลางคืนควงสาวเข้ารีสอร์ท" ซึ่งต่อมาทางฝ่ายปกครองได้ลงพื้นที่ตรวจสอบแต่เจ้าอาวาสเดินทางออกจากวัดไปตั้งแต่กลางดึกวันที่ 11 ก.พ. 68 ที่ผ่านมา และบอกกับไวยาวัจกรว่าเป็นภาพตัดต่อเตรียมจะฟ้องมือดีที่เผยแพร่ภาพจนทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งจากกรณีดังกล่าวนั้นทำให้สังคมเกิดความสงสัยว่าหากไม่ผิดหรือเป็นภาพตัดต่อทำไมจึงต้องหนีไป (อ่านข่าว : โกยแล้วโยม เจ้าอาวาส ขับรถหนีกลางดึก หลังภาพหลุดรูปคู่สีกา อ้างโดนตัดต่อ)
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ภายหลัง พระครูพิศาลจันโทภาส เจ้าอาวาสวัดจำปา บ้านสร้างแป้น ม.1 ต.บ้านลาน อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เดินทางเข้าพบกับทางคณะสงฆ์ภายในห้องประชุม วัดศรีบุญเรือง ชุมชนศรีบุญเรือง ม.3 ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น

...
โดยมีพระครูปริยัติสารวิสุทธิ์ จันทร์เรือง เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรืองและเจ้าคณะอำเภอบ้านไผ่ รวมทั้งเจ้าคณะตำบล พร้อมด้วย นายวรรลพ วลัยศรี ปลัดอาวุโสอำเภอบ้านไผ่ กำนันตำบลบ้านลาน ผู้ใหญ่บ้านบ้านสร้างแป้นหมู่ 1 และหมู่ 12 และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น ร่วมพิจารณาดำเนินการตามวินัยของสงฆ์ ในกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพของพระครูพิศาลจันโทภาส เจ้าอาวาสวัดจำปา ถ่ายภาพเซลฟี่คู่กับหญิงในห้องพักรีสอร์ท ซึ่งขณะที่คณะสงฆ์กำลังพิจารณาตามวินัยของสงฆ์นั้น ก็มีชาวบ้านจากบ้านสร้างแป้นเดินทางมาให้กำลังใจเจ้าอาวาสหลายสิบคน และติดตามความคืบหน้าข้อเท็จจริงว่าจะเป็นอย่างไร ก่อนจะเดินทางกลับภายหลังจากทราบว่า ภาพดังกล่าวเป็นเจ้าอาวาสจริง
โดยทางคณะสงฆ์มีมติให้พ้นจากเขตปกครองอำเภอบ้านไผ่ทันที และให้สึกจากการเป็นพระสงฆ์ภายใน 7 วัน ชาวบ้านที่มารอ บอกกับผู้สื่อข่าวถึงกรณีภาพหลุดดังกล่าวว่า มั่นใจว่าเป็นภาพของเจ้าอาวาสจริงๆ ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่งถ้าเป็นเรื่องจริง หากถามว่าจะให้เป็นเจ้าอาวาสต่อไหมก็แล้วแต่ทางพระผู้ใหญ่จัดการ ญาติโยมก็ไม่ขอยุ่ง เรื่องตัดต่อภาพตนเองก็ไม่ทราบว่าจะตัดต่อหรือไม่ตัดต่อ ก็ว่ากันไปตามคณะสงฆ์จะพิจารณา แต่ก่อนแต่ไรก็จะมีความศรัทธาต่อเจ้าอาวาส แต่หลังจากนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีความศรัทธาอยู่ไหน เพราะชาวบ้านก็ไม่ทราบว่าจะมีเรื่องแบบนี้เข้ามา เพราะเจ้าอาวาสออกไปข้างนอกก็ไม่มีใครทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง จะไปทำอะไรที่ไหนบ้าง
นายวรรลพ วลัยศรี ปลัดอาวุโสอำเภอบ้านไผ่ กล่าวว่า กรณีของพระครูพิศาลจันโทภาสนั้น ในส่วนของทางคณะสงฆ์ได้มีการสอบถามเรื่องภาพว่าเป็นภาพของท่านเจ้าอาวาสจริงหรือไม่ ซึ่งตัวท่านเจ้าอาวาสเองก็ยอมรับว่าจริง เป็นการไปพูดคุยเคลียร์กันเกี่ยวกับเรื่องเกี้ยวพาราสีกัน แต่ไม่ได้ยอมรับว่ามีเพศสัมพันธ์กัน จึงได้มีมติจากทางคณะสงฆ์ให้สังฆาทิเสส และให้ออกจากพื้นที่ปกครองของอำเภอบ้านไผ่ และให้พิจารณาตัวเองโดยทางเจ้าอาวาสยอมรับและจะพิจารณาตัวเองโดยการสึกภายใน 7 วัน เพื่อรักษาพระพุทธศาสนา

ในเรื่องความสัมพันธ์นั้นไม่ได้ระบุรายละเอียดอะไรมาก แต่ยอมรับว่าเป็นภาพตัวเอง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานแล้วประมาณ 3 ปี สาเหตุที่ภาพหลุดนั้นอาจเพราะมีการตกลงเคลียร์กันแต่ไม่ลงตัว แต่ไม่ได้ลงในรายละเอียดอะไรมาก ไม่ทราบว่าเป็นใครปล่อยภาพออกมา และตั้งแต่การเคลียร์กันเมื่อ 3 ปีที่แล้วก็ไม่ได้มีการพูดคุยกันอีกจนกระทั่งมีภาพหลุด จึงมีมติของคณะสงฆ์ออกมาดังกล่าว
ส่วนที่ไม่ถึงขั้นปาราชิกเพราะเป็นเพียงภาพ ไม่ได้มีการสื่อไปถึงการร่วมเพศ ตามวินัยสงฆ์จึงเป็นได้เท่านี้ จึงให้พิจารณาตัวเองและทางเจ้าอาวาสก็ยอมสึกเพื่อรักษาพระพุทธศาสนา ส่วนฝ่ายหญิงนั้นไม่สามารถติดต่อได้ ในส่วนของญาติโยมนั้น เนื่องจากเป็นเรื่องของศรัทธาชาวบ้าน ตนเองก็จะลงพื้นที่ไปทำความเข้าใจกับชาวบ้านถึงกรณีข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และตอนนี้ถือว่าพ้นจากการเป็นพระสงฆ์ในการปกครองของอำเภอบ้านไผ่แล้ว โดยทางเจ้าอาวาสของเวลาสึก 7 วันเพื่อเคลียร์ข้าวของต่างๆ ก่อน และเรื่องภาพก็ยอมรับว่าไม่ใช่ภาพตัดต่อเป็นภาพของตัวเองซึ่งยอมรับตั้งแต่แรกเลย ยืนยันว่าเป็นการสอบสวนไม่ได้ช่วยเหลือใครทุกอย่างว่ากันไปตามพระธรรมวินัยสงฆ์
พระครูปริยัติสารวิสุทธิ์ จันทร์เรือง เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรืองและเจ้าคณะอำเภอบ้านไผ่ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวกรณีที่ไม่เป็นการอาบัติปาราชิกว่า เนื่องจากวินิจฉัยตามอริยศ 2 ซึ่งมีข้อวินิจฉัยว่า ถ้าอยู่ 2 ต่อ 2 กับผู้หญิงในกรณีที่ลับตา แต่ได้ยินอยู่ ซึ่งมีบุคคลที่เชื่อถือได้มากล่าวหาว่าท่านเป็นอาบัติตั้งแต่ปาราชิกลงมา คือรับอย่างไรให้ปรับอย่างนั้น อีกกรณีอยู่ในที่ลับหูแต่เห็นอยู่ก็จะปรับตั้งแต่สังฆาทิเสสลงมา และในกรณีที่มีภาพปรากฏนั้นเห็นได้ว่าเป็นสังฆาทิเสส ไม่มีเสร็จกิจในการเสมสู่หรือการร่วมเพศ และตัวเจ้าอาวาสเองก็ไม่ได้รับด้วยเช่นกันรับเพียงว่าเป็นภาพที่ถ่ายไว้ 3 ปีที่ผ่านมา และรู้จักกับหญิงในภาพ 4 ปี แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการติดต่อกันอีก โดยรู้จักกันจากการไปเทศนาธรรม สนใจในธรรมก็ได้มีการพูดคุยและรู้จักกัน ในส่วนภาพที่หลุดมานั้นทางเจ้าอาวาสก็ไม่ทราบว่าหลุดออกมาได้อย่างไร และไม่ทราบว่าใครปล่อยภาพออกมาและไม่ยืนยันว่าจะเป็นฝ่ายหญิงหรือไม่ ยอมรับและยอมสึกภายใน 7 วัน เพื่อให้พระพุทธศาสนาไม่เสียหาย ซึ่งจะต้องเคลียร์กับทางญาติโยมและทางสิ่งของต่างๆ ก่อน
การพิจารณานั้น พิจารณาจากคำให้การของเจ้าตัวตามพระธรรมวินัย โดยมีภาพถ่ายเป็นองค์ประกอบในการพิจารณา และได้มีการติดต่อทางฝ่ายหญิงแต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ จึงไม่ได้ข้อเท็จจริงจากฝ่ายหญิง แต่ได้ข้อมูลจากทางเจ้าอาวาสซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับ โดยเบื้องต้นนั้นเป็นทั้งอาบัติสังฆาทิเสสและเป็นอาบัติปาราชิก แต่การพิจารณาโทษเป็นมติคณะสงฆ์ร่วมกันตามพระธรรมวินัย จะแตกต่างจากกฎหมายที่จะตัดสินโดยศาล
โดยมติคณะสงฆ์ได้ลงความเห็นร่วมกันว่า เป็นอาบัติสังฆาทิเสส ให้ออกนอกพื้นที่ปกครอง อ.บ้านไผ่ทันที ในอนาคตแม้มีหลักฐานเพิ่มเติมก็สิ้นสุดที่การสึกเช่นเดิม และหากมีหลักฐานเพิ่มต้องมีฝ่ายหญิงยอมรับว่ามีการร่วมเพศกันจึงจะเป็นอาบัติปาราชิกก็ต้องว่ากันในเรื่องของอนาคต และการสึกด้วยการอาบัติสังฆาทิเสสก็สามารถกลับมาบวชใหม่ได้ แต่ทั้งนี้ไม่ใช่การให้โอกาสทุกอย่างเป็นไปตามพระธรรมวินัย แต่ก็คงอีกนานถึงจะกลับมาบวชใหม่ เพราะศาสนาเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับศรัทธาญาติโยม หลังจากนี้ก็จะส่งรายงานต่อให้กับทางสำนักพุทธดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น. พระครูพิศาลจันโทภาส เจ้าอาวาสวัดจำปา ซึ่งกลายเป็นอดีตเจ้าอาวาสแล้ว ได้เดินออกมาจากห้องประชุม ในชุดลำลองเสื้อยืดสีเทา กางเกงวอร์มสีดำ หมวกแก๊ปสีดำและสวมใส่หน้ากากอนามัยสีขาว แววตาว่าเศร้าหมอง ตาแดงมีน้ำตาซึม เหมือนคนเพิ่งร้องไห้เสร็จ โดยได้เดินมุ่งตรงไปขึ้นรถยนต์กระบะ 4 ประตูที่มาจอดรออยู่ด้านหน้าอย่างรวดเร็ว โดยยกมือไม่ขอตอบคำถามสื่อมวลชนที่พยายามสอบถามอยากให้ทางเจ้าตัวได้ชี้แจงหรือพูดถึงกรณีที่เกิดขึ้น โดยทางอดีตเจ้าอาวาสได้ยกมือเหมือนจะแสดงสัญลักษณ์ว่าไม่ขอพูดหรือตอบคำถามสื่อ เนื่องจากพูดไม่ออกเพราะยังน้ำตาซึมและสะอื้นเดินขึ้นรถโดยนั่งด้านหลังฝั่งซ้าย ก่อนที่คนขับจะขับพาออกจากวัดศรีบุญเรืองไปทันที
เจ้าคณะอำเภอบ้านไผ่ กล่าวภายหลังจากที่อดีตเจ้าอาวาสทำการลาสิกขา เป็นฆราวาสว่า เจ้าตัวร้องไห้ หลังจากที่ได้มีการพูดอบรม และสึกให้คิดว่าชาตินี้กับชาติหน้า มันก็มีค่าเท่ากัน ทำให้อดีตเจ้าอาวาสหลั่งน้ำตาและยอมสึกในวันนี้
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งข่าว ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับฝ่ายหญิงว่า ภาพดังกล่าวนั้นตั้งแต่ปี 2019 ผ่านมา 6 ปีแล้ว ครั้งนั้นก็เคยมีกระแสข่าวระหว่างเจ้าอาวาสรูปนี้กับฝ่ายหญิง แต่ข่าวไม่ดัง แต่คนในพื้นที่จะทราบข่าวนี้ดี ตอนนั้นฝ่ายหญิงยังเป็นเด็ก ปัจจุบันเพิ่งจบสายอาชีพเมื่อปีที่แล้ว คาดว่าจะเป็นฝีมือของคนรอบข้างเป็นคนปล่อยภาพออกมา และล่าสุดฝ่ายหญิงเพิ่งจะหมั้นหรือแต่งงานไปไม่กี่เดือน และตอนนี้แฟนของน้องและญาติๆ หลังจากทราบข่าวก็กำลังมีปัญหากันเรื่องนี้อยู่.