พระลูกวัดเล่าที่มาภาพถ่ายติด "ผีเปรต" ในคืนวันออกพรรษา บรรยากาศช่วงนั้นน่าขนลุกมาก ด้านเจ้าอาวาส เผย เป็นเรื่องปกติของผีที่มาขอส่วนบุญ
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 5 พ.ย.67 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง วัดแห่งหนึ่งใน จ.แพร่ หลังจากมีคนโพสต์ภาพที่ระบุว่าเป็นเปรต พร้อมข้อความว่า "ผีเปรตมีจริง บุญ บาป มีจริง" จากนั้นมีคนคอมเมนต์ว่า ภาพนี้ถ่ายที่วัดใน จ.แพร่
เมื่อลงพื้นที่พบว่า มีชาวบ้านกำลังจับกลุ่มคุยเรื่องนี้กันตามร้านค้าในหมู่บ้าน จากนั้นจึงได้พบกับ เจ้าอาวาสวัด พร้อมพระลูกวัด ซึ่งเป็นคนถ่ายภาพดังกล่าวได้ด้วย
โดย พระลูกวัด ผู้ถ่ายภาพ เล่าว่า ภาพนี้ถ่ายกลางคืน เวลา 21.50 น. คืนวันออกพรรษา 17 ต.ค. 67 วันก่อนตักบาตรเทโว หลังจากกลับจากงานสวดศพ ได้มานั่งพักที่เก้าอี้หินอ่อนข้างกุฏิ โดยถ่ายภาพเพื่อดูพระจันทร์วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ ซึ่งเป็นคืนฟูลมูน พระจันทร์เต็มดวง ใช้กล้องโทรศัพท์มือถือถ่ายกราดไปรอบวัด
ระหว่างนั้นได้ยินเสียงนกแสกร้องดังขึ้น และมีเงาดำเกิดขึ้นบริเวณทิศตะวันออกทุ่งนาติดวัด เลยกดบันทึกภาพนิ่ง จากนั้นได้ยินเสียงสุนัขเห่าหอนวิ่งไปตามถนนหายไปทางดอยโป่งหมื่น จึงได้มาดูภาพก็พบว่ามีเปรตยืนอยู่ในภาพ ทำให้ขนลุกจึงได้นำภาพมาให้เจ้าอาวาสดู
...
ทางด้านเจ้าอาวาส เปิดเผยว่า หลังจากเห็นภาพแล้ว คิดว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะวัดกับเปรตเป็นของคู่กันมานมนาน เชื่อว่าคงเป็นเปรตที่อาตมาเคยได้ยินเสียง เมื่อปี 43 ขณะตีกลองบูชาวันพระขึ้น 15 ค่ำกลางพรรษาเดือนกันยายน ขณะทุ่งนาข้างวัดต้นข้าวเริ่มแตกรวง เสียงกรีดร้องโหยหวน เยือกเย็นจนขนลุก ก็คิดว่าเสียงผีเปรตขอส่วนบุญจนต้องสวดมนต์อุทิศส่วนกุศล ส่วนเรื่องการถ่ายภาพมือถือติดเงาดูครั้งนี้ คงเป็นเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด เพื่อขอส่วนบุญ และเป็นการแสดงบ่งบอกว่า บาปบุญมีจริง นรกสวรรค์มีจริง
นอกจากนั้น ทางวัดเองก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับผียักษ์ ผีเปรต มาตั้งแต่โบราณ โดยมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า ครั้งหนึ่งหมู่บ้านมีเรื่องประหลาด เมื่อเด็กวัดในยุคร้อยกว่าปีใช้หน้าไม้ยิงตัวบ่างอูรัว (บ่างยักษ์) ที่บินมาทางทิศใต้ เล่ากันว่าเป็นตัวบ่างฯ ที่อาศัยอยู่ป่าวัดศักดิ์สิทธิ์ของอำเภอลอง
แต่เจ้าอาวาสวัดสมัยนั้น ได้เกิดอาพาธ ไม่ได้ไปร่วมทำกิจสงฆ์ในงานประเพณีปีนั้น ตัวบ่างคงจะบินมาดูว่าทำไมครูบา จึงไม่มาร่วมพิธีสงฆ์ แต่เด็กวัดได้ใช้หน้าไม้ยิงบ่างตาย และนำเนื้อมาทำอาหารกินร่วมกันกับชาวบ้าน และสามเณร โดยที่เจ้าอาวาสวัดไม่ทราบ จนเกิดอาเพศ คนที่กินและครอบครัวล้มตายกันแทบครึ่งหมู่บ้าน จนมีการอพยพออกพื้นที่เพราะกลัวตาย
ต่อมาทางชาวบ้านไปหาร่างทรง 7 ตน มาทำพิธีขอขมา เพื่อขอเกิดความสงบสุขในหมู่บ้าน ตั้งแต่บัดนั้นทุกวันโกน ขึ้น 7 ค่ำ แรม 7 ค่ำ ขึ้น 14 ค่ำ แรม 14 ค่ำ ตลอดทั้งปี พระสงฆ์ต้องทำพิธีกรวดน้ำ ให้ศีล บริเวณข้างกำแพงวัดใกล้ทุ่งนาที่ตั้งศาลผีหม่อม (ผียักษ์) จนถึงปัจจุบันไม่มีขาด และความเชื่อของชาวบ้านศรัทธายังมีอยู่ ซึ่งศีล 5 ข้อ ที่ให้กับผียักษ์ จะแตกต่างจากที่ให้กับพุทธศาสนิกชน ซึ่งเป็นวัดเดียวที่มีการปันศีลให้ผียักษ์ เป็นศีล 5 ที่ท่องไม่เหมือนใครที่สืบทอดกันมาตลอดไป.