ซีอีโอ The iCon Group ลั่นพร้อมมอบตัวตำรวจ ยืนยันในความบริสุทธิ์ พร้อมเตรียมนำข้อเท็จจริง-หลักฐานทั้งหมด ชี้แจงผ่านกระบวนการยุติธรรม
กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ เมื่อผู้ประกาศข่าวคนดัง "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" ออกมาทิ้งปมเดือดถึงบริษัทขายตรงชื่อดังที่ใช้ดาราตัวท็อปของเมืองไทยเป็นพรีเซนเตอร์ สร้างดาวน์ไลน์ ขายฝันให้ประชาชนมาร่วมลงทุน สุดท้ายบางคนไม่ได้ตามที่พูดและโฆษณาไว้นั้น
ต่อมา พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) ยืนยัน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) ได้เซ็นตั้งคุมคดีขายตรง The Icon พร้อมสั่ง บก.ปคบ.ตั้งศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ รอรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนเชิญดารานักแสดงที่ปรากฏตามข่าวให้ข้อมูล ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น (ตั้ง บิ๊กอ้อ คุมคดีขายตรง The Icon รอรวบรวมพยานหลักฐานก่อนเชิญดาราดังให้ข้อมูล)
ล่าสุด วันที่ 9 ตุลาคม 2567 นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ อาณาจักรธุรกิจออนไลน์ ดิไอคอนกรุ๊ป (The iCon Group) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและความงาม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กโดยระบุว่า
"สวัสดีทุกท่านครับ ผมขอเรียนชี้แจงผ่านทางช่องทางนี้นะครับ ตลอดระยะเวลาที่ผมทำธุรกิจขายปลีก-ขายส่ง ผ่านระบบตัวแทน ภายใต้บริษัทดิไอคอนกรุ๊ป มาเป็นระยะเวลา 6 ปีกว่าแล้ว ผมเชื่อมั่นว่าดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องโปร่งใสมาโดยตลอด แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดเป็นกระแสสังคมขึ้น ณ ขณะนี้ ผมติดตามข้อมูลต่อเนื่องมาและรู้สึกเสียใจอย่างมาก
ที่เกิดเหตุว่ามีผู้เสียหายเกิดขึ้นเนื่องจากการทำธุรกิจกับบริษัทของผม ผมได้ให้ทีมงานตรวจสอบข้อมูล ปรากฏมีหลายเคสตามที่เกิดดราม่าที่ออกมา ต่อว่า ด่าทอบริษัท กลับไม่ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายของผมแบบที่เขากล่าวอ้างเลย และมีอีกหลายเคสที่ขายของกับบริษัทผม แล้วได้เงินกำไรไปจำนวนมาก แต่ก็กลับมาต่อว่า ด่าทอในโลกโซเชียลเช่นเดียวกัน
...
ผมยอมรับตรงๆ ว่าผมงงและสับสนมากครับ พยายามตั้งสติ พยายามติดตามดูข้อมูลว่าอันไหนเป็นข้อมูลจริง อันไหนเป็นการกลั่นแกล้ง ใส่ความ ปลุกปั่น บ้างก็ด่าเอามัน เอาสะใจ โดยมีข้อมูลถึงขั้นที่ว่า ทำธุรกิจกับบริษัทของผมแล้วฆ่าตัวตาย อันนี้คือประเด็นใหญ่ที่สุด ที่ผมเองไม่เคยได้รู้มาก่อนเลยครับ และยังคงสงสัยอยู่ว่าถ้าเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แล้วทำไมถึงไม่มีใครในองค์กรรู้มาก่อนบ้างเลย
อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นเรื่องจริง ผมคงรู้สึกเสียใจมากและอยากที่จะช่วยเหลือ เยียวยา ครอบครัวผู้ที่สูญเสีย อย่างเต็มที่ครับ ขอเพียงท่านติดต่อกลับมาที่บริษัท แต่ขอย้ำอีกครั้งนะครับว่า ผมไม่เคยทราบข้อมูลมาก่อนจริงๆ ส่วนที่ถามว่าทำไมผมถึงยังไม่ออกมาพูดอะไร
ผมขอตอบตรงๆ ว่า เมื่อไตร่ตรองโดยสติแล้ว ผมคิดว่าไม่ว่าจะตอบอะไรออกมาในช่วงที่กระแสสังคมเปรียบเหมือนน้ำเชี่ยว จากการรับข้อมูลทางเดียวในตอนนี้ ยิ่งจะเป็นการทำให้สถานการณ์ที่หนักอยู่แล้ว หนักยิ่งขึ้น ผมจึงใช้เวลาทั้งหมดในการเตรียมข้อมูล ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง รวมทั้งหลักฐานต่างๆ ที่จะชี้แจงให้ทราบผ่านกระบวนการยุติธรรม ทางกฎหมาย
ผมพร้อมเข้าสู่กระบวนการ เพราะผมเชื่อว่า เราต่างเป็นสุจริตชนที่อยู่ภายใต้กฎหมายไม่ใช่การใช้กฎหมู่หรือกระแสสังคมในการทำลายกัน ผมพร้อมจะเข้าไปแสดงตัวมอบตัวกับตำรวจตามที่ตำรวจจะแจ้งให้ทราบทุกเมื่อ ผมรอพิสูจน์ความจริงอยู่ตรงนี้ ไม่หนีไปไหนแน่นอนครับ และพร้อมนำข้อเท็จจริงและหลักฐานทั้งหมดเข้าชี้แจงผ่านกระบวนการยุติธรรม
ทุกท่านอดใจรอหน่อยนะครับ เดี๋ยวความจริงก็จะเปิดเผยออกมาให้ทุกท่านทราบ ถ้าผมทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา ผมย่อมจะต้องได้รับโทษทางกฎหมายอย่างถึงที่สุดแน่นอนครับ เมื่อถึงวันนั้นค่อยด่าทอ ประณาม เหยียบย่ำ ผมได้เลยครับ เชื่อว่าไม่ช้าเกินไป แต่วันนี้ผมเป็นผู้บริสุทธิ์ครับ และผมเชื่อในความบริสุทธิ์ของผม ผมส่องกระจกดูตัวเองแล้ว ผมยังสามารถสบตาตัวเองได้อย่างเต็มตา
ในขณะเดียวกันผมก็สลดใจที่ตัวเองและองค์กรต้องมาถูกเหยียบย่ำ ทำลาย ต่างๆ นานา ในขณะที่ยังไม่ได้มีการตัดสินจากกระบวนการยุติธรรม ที่พวกเราเชื่อมั่น เชื่อถือ ผมอยากขอร้อง วิงวอนให้ทุกท่าน โปรดให้โอกาสผมและองค์กรได้พิสูจน์ตัวเองผ่านกระบวนการยุติธรรมก่อนที่จะด่วนตัดสินกันนะครับ ขอบคุณครับ".
ขอบคุณเฟซบุ๊ก วรัตน์พล วรัทย์วรกุล