ฉาววงการผ้าเหลือง 2 สีกาเปิดศึกแย่งหลวงพี่ ด้าน "เจ้าอาวาสวัดดวงแข" ยอมรับพอทราบพฤติกรรมมาบ้าง แต่ไม่มีหลักฐานเอาผิด ขณะที่สำนักพุทธเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง
วันที่ 10 สิงหาคม 2567 มีรายงานว่า จากกรณีโซเชียลแชร์เรื่องฉาววงการผ้าเหลือง หลังมีหญิงรายหนึ่งได้ออกมาแฉ โดยอ้างว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระรูปหนึ่ง โดยเป็นภาพที่ถ่ายคู่กันในอิริยาบถต่างๆ พร้อมกับภาพบทสนทนาทางแชตของสีกา 2 คน ที่แย่งชิงหลวงพี่
ล่าสุด จากการสอบถาม พระครูประพัฒน์เขมคุณ เจ้าอาวาสวัดดวงแข กทม. ยอมรับว่า เพิ่งทราบเรื่องดังกล่าวเมื่อวานช่วงบ่ายรู้สึกกังวลใจ พระลูกวัดที่ถูกพาดพิงบวชมานานกว่า 10 ปี ตั้งแต่สมัยเจ้าอาวาสรูปก่อน มีพฤติกรรมผิดวินัยสงฆ์ ไม่เคยทำวัตร ทำให้ไม่มีโอกาสได้เจอตัวเพื่อตักเตือน อีกทั้งมีลักษณะเข้าข่ายผู้มีอิทธิพล เกี่ยวกับการจัดเก็บค่าจอดรถวัด เอาเงินเข้าตัว พฤติกรรมโดยรวมจึงไม่สมควรที่จะเป็นพระ
ส่วนเรื่องฉาวสีกาก่อนหน้านี้ ยอมรับว่าเคยได้ยินเข้าหูมาบ้าง แต่ไม่มีหลักฐาน แต่จากภาพที่ปรากฏก็เพียงพอที่จะต้องสึกออกจากการเป็นพระได้ หลังเป็นข่าวใหญ่แบบนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยหรือตั้งคณะกรรมการสอบ เนื่องจากพระรูปดังกล่าวได้ออกจากวัดไปตั้งแต่ก่อนเข้าพรรษาแล้ว ไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใด รวมทั้งกุฏิก็ถูกล็อกไว้ จึงยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบ ต้องรอมติของคณะกรรมการ
ทั้งนี้ ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ติดต่อมาทางวัดเพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งหลังจากนี้จะอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ ของพระที่ถูกพาดพิง
ขณะที่ ไวยาวัจกรวัดดวงแข เปิดเผยว่า มีหน้าที่ดูแลเจ้าหน้าที่และทรัพย์สินของวัด เมื่อเจ้าหน้าที่ของวัดทำให้เกิดความเสื่อมเสียก็จะต้องตรวจสอบ และเชื่อว่าแชตและรูปดังกล่าวอาจจะหลุดมาจากสีกา ซึ่งเป็นแม่ครัวของวัด
...
ขณะที่ แฟนเพจ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้โพสต์ข้อความว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2567 ได้มีการนำเสนอข่าวผ่านเพจชื่อดังและสื่อหลายสำนัก กรณี มีผู้หญิงรายหนึ่งได้มาตัดพ้อ เสียใจมากหลวงพี่แอบนอกใจ ทิ้งไปมีผู้หญิงใหม่ โดยในสื่อปรากฎแชทไลน์ให้เห็นนั้น
จากการตรวจสอบของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเบื้องต้น พบว่าผู้หญิงคนดังกล่าวได้โพสต์คลิปลงในเพจส่วนตัวชื่อ @dang1_2515 โดยในเพจดังกล่าวปรากฏชื่อพระภิกษุที่ถูกกล่าวถึงเป็นพระภิกษุที่พำนักอยู่วัดดังวัดหนึ่งในกรุงเทพมหานคร และเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง
เบื้องต้นสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ประสานไปยังไวยาวัจกรของวัด ได้รับแจ้งว่า หลังมีข่าวปรากฏออกไปตามสื่อต่าง ๆ ทางเจ้าอาวาสได้เรียกทางผู้หญิงมาสอบถามข้อมูลเบื้องแล้ว ทางผู้หญิงแจ้งว่าตนไม่ได้เป็นผู้โพสต์เรื่องดังกล่าว และได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว สำหรับพระภิกษุรูปดังกล่าวทางเจ้าอาวาสยังไม่สามารถติดต่อได้
วันนี้ (10 สิงหาคม) กลุ่มคุ้มครองพระพุทธศาสนา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ติดต่อไปยังเจ้าอาวาสวัดที่ปรากฏในข่าวเพื่อสอบถามข้อมูล ทราบว่า พระภิกษุรูปดังกล่าวได้เข้ามาพำนักเป็นพระลูกวัด เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว และทราบว่าขณะนี้ได้ออกไปจากวัดตั้งแต่ก่อนวันเข้าพรรษา โดยไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใด สำหรับผู้หญิงคนดังกล่าวนั้นเจ้าอาวาสแจ้งว่าทำงานเป็นแม่ครัวของวัด ซึ่งตอนนี้ก็ได้ออกจากวัดไปแล้ว เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ภาพของพระภิกษุรูปดังกล่าวถ่ายร่วมกับฝ่ายหญิงก็ดีข้อความที่โพสต์และข้อความที่ปรากฏทางแอพลิเคชั่นไลน์ก็ดี ไม่เหมาะสม สร้างความเสื่อมเสียต่อการคณะสงฆ์ และก่อให้เกิดวิกฤติศรัทธา ซึ่งหากเป็นจริงตามที่มีปรากฎตามสื่อ การกระทำของพระภิกษุรูป ดังกล่าวอาจเข้าข่ายครุกาบัติ จึงขอให้ผู้ที่พบเห็นพระภิกษุรูปดังกล่าว แจ้งให้ท่านเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ ไม่เช่นนั้น จะถือว่าท่านยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น และควรพิจารณาตัวเอง เพื่อไม่เกิดความเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์โดยภาพรวม
ในส่วนของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ในทุกระดับ เพื่อป้องกันไม่ให้มีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นอีก ซึ่งก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากพุทธศาสนิกชนทุกคนได้ช่วยในการสอดส่องดูแลอีกทางหนึ่งด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องนี้ยังต้องรอการตรวจสอบอย่างละเอียดจากผู้ที่เกี่ยวข้องว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป.