เปิดใจ สาวอุดรใจเด็ด ขี่มอเตอร์ไซค์ไล่ล่าถ่ายคลิปรถสามล้อชนพระแล้วไม่หยุดช่วยเหลือ ด้านหลวงพ่อได้รับบาดเจ็บ อโหสิกรรมให้สามล้อ 

วันที่ 11 กรกฎาคม 2567 มีรายงานว่า จากกรณี แฟนเพจ บ้านดุง อัพเดต Bandung Update ได้เผยคลิปเหตุการณ์พลเมืองดีขี่รถจักรยานยนต์ไล่ตามรถสามล้อ เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยระบุข้อความว่า เกิดอุบัติเหตุสามล้อชนพระที่บ้านสันติสุข ได้รับบาดเจ็บ 2 รูป ไม่ทราบว่าเป็นสามล้อใคร พลเมืองดีขับตาม หลังจากคลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ได้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นและแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก

จากการสอบถาม น.ส.โสภาพร ทศมงคล อายุ 32 ปี ชาวบ้านหมู่ 11 ต.บ้านดุง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นพลเมืองดีในคลิป เล่าว่า ในวันเกิดเหตุ (8 กรกฎาคม) เวลา 19.10 น. ตนมาทานข้าวที่บ้านพี่สาว ที่อู่รถตรงข้ามจุดเกิดเหตุ ใกล้กับวัดมงคลชัยศรี หลังจากทานข้าวเสร็จก็มีการพูดคุยกัน สักครู่ได้ยินเสียงดัง พี่สาวออกมาดู แล้วพี่สาวร้องบอกว่า รถสามล้อชนพระแล้วไม่จอดลงมาช่วยเหลือ ขับรถสามล้อเครื่องหลบหนีไปแล้ว

...

ตนเห็นดังนั้นจึงรีบขึ้นมอเตอร์ไซค์เร่งเครื่องตามไป ตอนแรกว่าจะถ่ายภาพ แต่ถ่ายไม่ทัน จึงถ่ายเพียงวิดีโอ พร้อมกับร้องตะโกนขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านไปตลอดทาง และตะโกนบอกเจ้าของสามล้อเครื่องไปตลอดทางว่าขอให้จอด รถสามล้อชนพระแล้ว ซึ่งคนขับสามล้อได้หันหน้ามาดู โดยมีเมียคนขับนั่งอยู่ข้างๆ แต่ไม่จอด และยังได้ปิดไฟท้ายรถขับต่อไป เข้าไปในซอยสันติสุข ซึ่งมืดและเปลี่ยว ประกอบกับมีหลุมใหญ่มากตนกลัวจึงย้อนกลับ ถ้าจะบอกว่าเขาไม่เห็น ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะเขาหันหน้ามาเห็นตน 

ตนจึงย้อนมาขอความช่วยเหลือจากเจ้าของรีสอร์ตสันติสุขรีสอร์ต ซึ่งเจ้าของรีสอร์ตได้พาตนและญาติๆ เข้าไปที่บ้านหลังดังกล่าว โดยมีรถสามล้อเครื่องคันเกิดเหตุจอดอยู่ในบริเวณบ้าน ตะโกนบอกให้เจ้าของบ้านออกมา เพื่อมาพูดคุย เขาก็ไม่ออกมา ซึ่งรู้จักชื่อและเมียคนขับสามล้อเครื่อง เป็นคนที่ขายของที่ตลาดบ้านดุงทั้งผัวและเมีย เป็นชาวบ้านห้วยปลาโด กระทั่งรุ่งเช้า ตนจึงโทรแจ้งผู้ใหญ่บ้าน จึงไปหาเขาเพื่อมาเจรจา

ต่อมา มีรายงานเพิ่มเติมว่า น.ส.โสภาพร พร้อมด้วย นายวีระพล รักเสมอวงศ์ แอดมินเพจบ้านดุงอัพเดต และผู้สื่อข่าว ได้เดินทางไปที่วัดมงคลชัยศรี เพื่อพบหลวงพ่อทองใบ ใจน้อย อายุ 74 ปี ซึ่งเป็นพระที่ได้รับบาดเจ็บ พบว่าสภาพหลวงพ่อหัวเข่ามีรอยฟกช้ำดำเขียวเป็นวงกว้าง มีผ้าพันแผลปิดเนื่องจากเป็นแผล กลางหลังฟกช้ำ และที่มือด้านซ้ายมีบาดแผลขนาดใหญ่ ต้องใช้ผ้าปิดแผลพันมือไว้ 

หลวงพ่อทองใบ เล่าให้ฟังว่า ในวันเกิดเหตุ หลวงพ่อรับกิจนิมนต์ไปสวดมนต์งานศพ ซึ่งบ้านงานและวัด ไม่ห่างกันมาก สามารถเดินไป-กลับได้ หลังสวดมนต์เสร็จ หลวงพ่อจึงพากันเดินกลับวัดพร้อมด้วยหลวงพ่อลี เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ใกล้จะถึงวัด หลวงพ่อลีเดินอยู่ด้านหน้า หลวงพ่ออยู่ด้านหลัง ได้ยินเสียงเสียงดังโครม เห็นหลวงพ่อลีล้มลง หลังจากนั้นตนเองก็ล้ม และถูกรถสามล้อเหยียบผ่านตัวลงไปข้างๆ หู ทำให้ได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า มือ กลางหลัง เมื่อหลวงพ่อยกมือขึ้น มีเลือดไหลออกเยอะมาก จึงตะโกนบอกสามีของหลานสาวที่มีบ้านอยู่ฝั่งตรงข้าม ให้พาหลวงพ่อไป รพ.ด้วย หลานจึงพาไป รพ.

หลังจากทำแผลและตรวจร่างกายเสร็จแล้วได้กลับมาที่วัด รุ่งเช้าตื่นมา หลวงพ่อรู้สึกปวดตามเนื้อตามตัวลุกไม่ขึ้น ลูกหลานได้มาหาช่วยพยุงตัวให้ลุกขึ้นนั่ง ชาวบ้านและลูกศิษย์จึงพากันยกแคร่ไม้ไผ่ เอาสมุนไพรมาวางที่แคร่ ก่อไฟด้านล่างให้กับหลวงพ่อ

ทุกวันนี้หลวงพ่อจะเดินเหินไปไหนยังปวดตามเนื้อตามตัว แขนขาตึงไปหมด มีลูกศิษย์ลูกหามาช่วยพยุง เพราะกลัวหลวงพ่อจะล้ม 

หลวงพ่อทองใบ เล่าต่อไปว่า วันต่อมา คนขับรถสามล้อเครื่องได้มาหาอาตมาที่วัด พร้อมกับบอกว่าจะช่วยค่ายาพระทั้งสองในวงเงิน 15,000 บาท หลวงพ่อไม่ได้พูดเรียกร้องอะไร แต่เขาพูดเสนอเอง พอวันมาจ่ายเงิน จ่ายจริง 13,000 บาท หลวงพ่อก็ไม่ว่าอะไร เขาอาจจะไม่มีเงินก็เป็นได้ พร้อมกับอโหสิกรรมให้เขาด้วย 

ส่วนเรื่องลางบอกเหตุ หลวงพ่อบอกว่า มีลางบอกเหตุล่วงหน้า หลวงพ่อได้ยินเสียงดังโครมที่หลังคา พร้อมๆ กันนั้นได้กลิ่นธูป กลิ่นเทียน น้ำอบน้ำหอม จากนั้นไม่ถึง 2 วันได้รู้ว่ามีคนตาย กระทั่งอาตมาได้ไปสวดมนต์ และอาตมาก็มาโดนเหตุการณ์นี้.