รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร ม.พิษณุโลก พร้อมผู้เกี่ยวข้อง แถลงยันไม่มีซื้อขายวุฒิการศึกษา ไม่รู้จัก "ต้นอ้อ" ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง พร้อมดำเนินคดีคนทำให้เสียหาย
วันที่ 3 ก.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี "ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง" ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง ถูกเพจดังนำแชตข้อความที่อ้างเป็นของ ต้นอ้อ กับผู้เสียหายรายหนึ่ง ซึ่งในแชตนั้น มีการพูดคุยกันอย่างสนิทสนม และมีการโอนเงินให้ เนื่องจากอ้างว่า ทางต้นอ้อ ได้มีการมาเสนอขายใบปริญญาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งให้ ในราคา 2 แสนบาท โดยมีการแบ่งเงินโอนออกเป็น 4 งวด จนครบ แต่เมื่อทวงถาม ก็มีการบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา
ซึ่งต่อมา ทางต้นอ้อ เป็นหนึ่ง ได้ออกมาชี้แจงเบื้องต้น โดยยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง และยินดีให้ผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้เสียหายใช้กระบวนการทางกฎหมายดำเนินการ เพื่อนำหลักฐานของทั้ง 2 ฝ่ายมาแสดงในชั้นศาล และยังบอกด้วยว่า ที่ผ่านมาเป็นการกระทำของอ้อที่ผิดพลาดไปเพราะรักและหวังดีกับเพื่อน แต่มีการบิดเบือนบางส่วนทำให้อ้อได้รับความเสียหาย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องการซื้อขายวุฒิการศึกษานั้น วันนี้ (3 ก.ค. 67) ที่มหาวิทยาลัยพิษณุโลก ดร.มานพ เกตุเมฆ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยพิษณุโลก นายชาตรี จำลองกุล นิติกรมหาวิทยาลัยพิษณุโลก ว่าที่ ร.ต.ดร.สุนิมิต ชุ่มพงษ์ คณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยพิษณุโลก ร่วมกันแถลงข่าว
โดย ดร.มานพ เปิดเผยว่า จากกรณีที่เป็นข่าว รองศาสตราจารย์ ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี ม.เกษตรศาสตร์ หรือ อ.อ๊อด มีความห่วงใยการซื้อขายวุฒิการศึกษา เกี่ยวกับเรื่องนี้ขอพูดข้อเท็จจริงรายละเอียดเบื้องต้น กรณีที่เป็นข่าวในสื่อและโซเชียล โดยทางมหาวิทยาลัยพิษณุโลกยืนยันว่า ไม่เป็นเรื่องจริง ไม่มีการซื้อขายวุฒิการศึกษา การพูดของนักศึกษาที่พูดออกไปทำให้ ม.พิษณุโลก ได้รับความเสียหาย ทางนิติกร มหาวิทยาลัย จะดำเนินการทางกฎหมายในทันที
...
สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องภายใน หรือเกิดการทะเลาะกัน แต่จากการตรวจสอบพบว่า นักศึกษารายดังกล่าว ได้เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยพิษณุโลกจริง แต่เพิ่งเข้ามาเรียนได้ไม่นาน ซึ่งจากการตรวจหลักฐานพบว่า มีการมาสมัครเรียน เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา มีการมาชำระตามระเบียบของมหาวิทยาลัย แม้ว่าจะเพิ่งเข้ามาเรียนในภาคเรียนที่ 2 ที่ผ่านมาก็ตาม เราถือว่าเป็นนักศึกษาเรา แต่ยังไม่จบการศึกษา ยังคงมีสภาพการเป็นนักศึกษา ที่ต้องมีการเรียนการสอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยอยู่ เราไม่ทราบว่ามีการพูดคุยกับนักศึกษาอย่างไร เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่เป็นความจริง ทางมหาวิทยาลัยจะมีการนำเรื่องนี้เข้าสู่การประชุมของมหาวิทยาลัย พร้อมทั้งดำเนินการตามกฎหมาย
ด้าน นายชาตรี กล่าวว่า ทันทีที่ทราบข่าว เราไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้มหาวิทยาลัยได้รับความเสียหาย ในวันนี้จะมีการประชุมคณะผู้บริหารเพื่อรับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พร้อมจะหาข้อมูลได้อย่างไรจะได้รายงานให้ทราบต่อไป
ส่วนว่าที่ร้อยตรี ดร.สุนิมิต กล่าวว่า นักศึกษาดังกล่าว ได้มาลงทะเบียนเป็นวงเงินทั้งสิ้น 130,000 บาท และค่าสมัครแรกเข้า 1,500 บาท เรียนทั้งหมด 6 เทอม 3 ปี 41 รายวิชา ยืนยันว่าขณะนี้ยังเรียนอยู่ ยังไม่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแต่อย่างใด ซึ่งเริ่มเรียนในภาคเรียนที่ 2 เมื่อปีการศึกษาที่ผ่านมา สำหรับเงินไม่ได้จ่ายเกินจากความเป็นจริง เป็นเงินที่จ่ายให้มหาวิทยาลัยตามปกติคือ คนละ 130,000 บาท และค่าแรกเข้า 1,500 บาท เป็นไปตามคอร์สปริญญาตรี ที่ได้เลือกเรียน
ซึ่งนักศึกษาคนดังกล่าว ทางมหาวิทยาลัยได้พยายามติดต่อ แต่ไม่ยอมรับโทรศัพท์ โดยจากภาพที่โชว์หัวกระดาษเป็นชื่อของมหาวิทยาลัย ที่ได้จ่ายค่าแรกเข้า 1,500 บาท เรื่องนี้ทำให้มหาวิทยาลัยพิษณุโลกเสียหายที่ไม่ชี้แจงว่าเอกสารดังกล่าวออกด้วยเรื่องอะไร คงต้องเรียกตัวมาพูดคุยกันว่า สิ่งที่ทำ ทำไปเพื่ออะไร ทางมหาวิทยาลัยอาจจะมีการฟ้องร้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ในเรื่องนี้คงต้องมีการสอบสวนข้อเท็จจริง
ส่วนเรื่องของ คุณต้นอ้อ ทางมหาวิทยาลัยไม่รู้จัก ไม่รู้ว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร มหาวิทยาลัยขอปฏิเสธ ส่วนที่อ้างว่าจ่าย 2 แสนบาท นักศึกษาไปแจ้งความเป็นการเรียกร้องเงินไม่จริง มหาวิทยาลัยไม่ได้เก็บเงินเกินจริง ส่วนการที่จะไปจ่ายให้กับนายหน้า ทางมหาวิทยาลัยไม่รับรู้ในเรื่องนี้ เป็นเรื่องของการดำเนินการของนักศึกษาคนดังกล่าว แต่ใครทำให้มหาวิทยาลัยเกิดความเสียหาย ทางนิติกรจะดำเนินการทางกฎหมาย เพราะมหาวิทยาลัยไม่ใช่จะสร้างมาได้ง่ายๆ เราปฏิบัติตามกฎหมาย ตามระเบียบ ทุกประการ
นอกจากจะให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการ พร้อมกับตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว หากพบว่ามีบุคลากรมหาวิทยาลัยเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ก็พร้อมที่จะดำเนินการตามระเบียบ ไม่ละเว้น.