โซเชียลวิจารณ์ยับ กลุ่มนักท่องเที่ยวเดินลง "โป่ง" สัตว์ป่า ถ่ายรูปไม่สนป้ายห้าม ด้านอุทยานฯ เตือนอาจเกิดอันตรายได้ พร้อมเผยเหตุผลที่ห้ามลงไป

วันที่ 19 มิถุนายน 2567 กลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ เมื่อเพจเฟซบุ๊ก ที่นี่เขาใหญ่ ได้โพสต์ภาพ พร้อมข้อความระบุว่า กระผมจะอธิบายยังไงดี ยาวหน่อย จุดนี้คือโป่ง ชมรมเพื่อน เเนะนำไปเดินถ่ายรูปทางเข้าหอส่องสัตว์หนองผักชีใกล้กัน สวยด้วย จะได้ไม่ต้องมีดราม่า 

เริ่มจากป้ายแจ้งเตือน ห้ามลงไปที่ดินโป่ง ไม่ว่าจะห้ามลงสาเหตุอะไร มีป้ายแจ้งว่าห้ามก็ควรปฏิบัติกฎของสถานที่นั้นๆ จุดดินโป่งที่เป็นแอ่งดินสีน้ำตาลนั้นแหละ รวมไปถึงพื้นที่ทุ่งหญ้าบริเวณโดยรอบ ยิ่งจุดที่ไกลโป่งไปอีก เดินลงไปไกลมาก นอกจากกลิ่นของมนุษย์ ไหนจะกลิ่นน้ำหอม กลิ่นครีมทาผิว ที่มนุษย์ใช้ทาตัว ใช้ฉีดตัวทั่วร่างกาย ที่สัตว์ป่ารับรู้ได้ และสัตว์จะไม่ลงมา

ซึ่งจุดที่เรียกว่าดินโป่ง เป็นแร่ธาติ แคลเซียม และสารอาหารอย่างดีของสัตว์ป่า ไม่ว่า จะเป็นช้างป่า กระทิงป่า สัตว์น้อยใหญ่ มีนกเงือกลงมากินด้วยนะจะบอกให้ อีกหนึ่งสิ่งคือ อันตรายจะมาเยือนตัวท่านเอง ใกล้ถนนก็ไม่เท่าไร นี่เดินไปไกลเกือบชายป่า ในระหว่างเดินไปไม่กลัวงูกันเหรอ งูจงอาง ดุนะจะบอกให้

ไม่คิดว่าจะมีสัตว์ป่าออกมากันเหรอ เกิดไรขึ้นมารับผิดชอบตัวเองกันด้วยเด้อ แบบว่าไม่โทษ เจ้าหน้าที่ไรงี้ สุดท้ายก็ไม่พ้นเจ้าหน้าที่โดนตำหนิ ทั้งๆ ที่ปัญหานิดเดียว ไม่ลงไปก็จบ จุดอื่น มีให้ถ่ายเยอะแยะ หรือแค่ขอบๆ ริมถนนเเล้วหันกล้องถ่ายไปหญ้าขาวๆ เยอะๆ ก็สวยได้

ในช่วงนี้จะเห็นหญ้าสีขาวขึ้นเต็มไปหมด นักท่องเที่ยวก็ต่างพากันมาถ่ายรูป ซึ่งคงหาที่ไหนไม่ได้นอกจากอุทยานเเห่งชาติเขาใหญ่ ที่มีหญ้าสีขาวให้เห็นกว้างใหญ่เหมาะกับการลงไปเก็บภาพความทรงจำ เข้าใจนะครับ กระผมเคยลงไปทำโป่งนี้ เดินอย่างไกล นี่เดินลงไปไกลกว่าโป่ง เเล้วเป็นเนินสูงด้วย

...

เว้นระยะห่างจากสัตว์ป่า ทำตามอย่างเครร่งเครัด เช่น ไม่ให้อาหารสัตว์ป่า ไม่ทิ้งขยะ ควรเคารพ ระยะห่างจากสัตว์ป่า โดยเฉพาะช้างป่า การสังเกตการณ์สัตว์ป่า รักษารัศมีที่จะไม่ทำให้สัตว์ป่าคิดว่าตัวเองไม่ปลอดภัย เขาจะมาทำร้ายเราได้ ตัวเราเองก็ไม่ปลอดภัย

ยุคนี้ธรรมชาติเปลี่ยนไปเยอะมาก คนทำให้ธรรมชาติเปลี่ยน อุทยานเเห่งชาติเขาใหญ่ ขึ้นตรงกับ กรมอุทยานเเห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ช่วยกันเเชร์ให้กรมเห็น ออกกฎเปรียบเทียบปรับอย่างเด็ดขาด ช่วยกันรักษาคงไว้เป็นธรรมชาติให้มากที่สุด

ซึ่งหลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ต่างก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก อาทิ จิตสำนึกไม่มีเลย อะไรที่เขาห้ามก็ทำ, คงคิดว่าตัวเอง เป็นช้างมั้ง, ที่ถ่ายเยอะแยะ ทำไมไม่ไป, คนดีๆ เขาไม่ทำกันหรอก, จิตใต้สำนึกคือไม่มีเลย ฯลฯ

ขณะที่บางส่วนก็ได้เรียกร้องให้ทางอุทยานฯ หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบ ออกกฎหรือมาตรการที่เข้มงวดกว่านี้ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ขณะที่ทางเพจเองก็ยังได้โพสต์ภาพอีกว่า นอกจากจะมีนักท่องเที่ยวไปถ่ายรูปแล้ว ยังมีกลุ่มคู่รัก พาช่างภาพไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งอีกด้วย 

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทางเพจเฟซบุ๊ก ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้โพสต์ภาพและข้อความอธิบาย 4 ข้อต้องรู้ ทำไมห้ามลงไปบริเวณพื้นที่โป่ง โดยระบุว่า 

1. โป่ง เป็นแหล่งแร่ธาตุเสริมสำหรับสัตว์ป่า ซึ่งเปรียบเสมือนห้องครัวที่มีองค์ประกอบที่สมบูรณ์ของสัตว์ป่า สัตว์ป่าจึงต้องการอาหารที่มีคุณภาพ และสะอาดเช่นกัน จึงไม่ควรมีสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ลงไปปนเปื้อนหรือมีกลิ่นใดๆ อันเป็นปัจจัยที่ทำให้สัตว์ป่า ไม่ลงมาใช้บริการพื้นที่โป่ง และยังเป็นแหล่งชุกชุมของสัตว์ป่าหลากหลายชนิด

2. กลิ่นตัว หรือกลิ่นน้ำหอมของมนุษย์ ที่นักท่องเที่ยวเดินลงไปติดอยู่ที่ดินโป่ง เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สัตว์ป่าไม่ลงมาใช้พื้นที่โป่ง จากกรณีช้างป่างาหักที่ผ่านมา นักวิจัยพบว่ามีความเชื่อมโยงมาจากการที่ช้างป่าไม่ลงมากินดินโป่ง ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพงาของช้างป่าและสัตว์ป่าอื่น ๆ เป็นอย่างมาก

3. การเดินเข้าไปรบกวนบริเวณพื้นที่โป่ง เป็นพาหะของการแพร่กระจายเชื้อโรคจากสัตว์ป่าสู่คน หรือจากคนสู่สัตว์ป่า 

4. พื้นที่โป่งคือพื้นที่ที่สัตว์ป่าลงมาใช้ประโยชน์ ซึ่งนักท่องเที่ยวอาจได้รับอันตรายได้

ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวทุกท่าน ห้ามเดินลงไปบริเวณพื้นที่โป่ง และบริเวณทุ่งหญ้ารอบโป่งเด็ดขาด เพื่ออาหารที่มีคุณภาพของสัตว์ป่า และโอกาสที่นักท่องเที่ยวทุกท่านจะได้ชื่นชมสัตว์ป่าอย่างปลอดภัย ปฏิบัติตามกฎระเบียบและป้ายแจ้งเตือนของอุทยานแห่งชาติอย่างเคร่งครัด เพื่อความสุขของคน และเพื่อสุขภาพที่ดีของสัตว์ป่า ให้พวกเขาอยู่กับเราไปอีกนาน.

ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก  ที่นี่เขาใหญ่, ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช 

(ติดตามข่าวโซเชียล ในกระแส ทั้งหมดที่นี่)