“เศรษฐา” นั่งหัวโต๊ะถก ก.ตร. เผยที่ประชุมมีมติส่งฝ่ายวินัยและกฎหมายตรวจสอบให้รอบคอบอีกครั้งหลัง “บิ๊กโจ๊ก” ร้องขอความเป็นธรรมสั่งย้ายไปมาและให้นำมาเสนอ ก.ตร. ครั้งต่อไป ลั่นจะพิจารณาให้โปร่งใสสุจริตและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ก่อนเดินหนีขึ้นรถไม่ตอบคำถามสื่อถูกหลอกเซ็นส่งตัว “บิ๊กโจ๊ก” กลับ ตร.หรือไม่ ขณะที่ “บิ๊กต่าย” รรท.ผบ.ตร. ย้ำยึดกฎหมายสั่ง “บิ๊กโจ๊ก” ออกจากราชการ แจงตั้ง “รองสราวุฒิ” ประธานสอบแม้ใกล้เกษียณเพราะเป็นกลางที่สุด ด้าน “บิ๊กวินัย” ระบุ คกก.สอบข้อเท็จจริงปมขัดแย้ง 2 บิ๊กตำรวจ เชิญ “บิ๊กต่อ” มาให้ถ้อยคำแล้วจ่อแถลงผลสอบสัปดาห์หน้า ลั่นพร้อมตอบคำถามสื่อทุกประเด็น
กรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.ถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อนเมื่อวันที่ 18 เม.ย.67 เพราะถูกศาลออกหมายจับจากการถูกกล่าวหาพัวพันคดีฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์ โดยก่อนหน้าเมื่อวันที่ 19 มี.ค. ถูกย้ายไปสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีพร้อมกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. คู่กรณีที่ขัดแย้งกันถึงขั้นฟ้องร้องกันไปมา จนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ต้องมาหย่าศึกสั่งย้ายทั้งคู่ พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย มีกำหนด 60 วัน อย่างไรก็ตาม ภายหลัง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกให้ออกจากราชการ กลับเคลื่อนไหวชนิดเรียกว่าสู้ยิบตาด้วยการฟ้องร้องนายกรัฐมนตรี คณะพนักงานสอบสวน ตามความผิด มาตรา 157 รวมทั้ง ป.ป.ช. บางคนที่ไม่เป็นกลาง แต่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้ถอนฟ้องนายเศรษฐาในอีกวันต่อมาระบุเหตุผลว่า นายกรัฐมนตรีถูกคู่กรณีหลอกให้เซ็นคำสั่งย้ายกลับมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนถูกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน รวมทั้งยื่นเรื่องอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ระบุคำสั่งให้ออกจากราชการเป็นคำสั่งมิชอบ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
...
ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 เม.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. เปิดเผยก่อนการประชุม ก.ตร.ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายรัฐมนตรี เป็นประธาน ถึงการตั้ง พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รอง ผบ.ตร. เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.กับพวก กรณีตกเป็นผู้ต้องหาฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์ และมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน โดยคณะกรรมการฯประชุมครั้งแรกเพื่อกำหนดแนวทางการทำงานเมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า ในส่วนผลสอบสวนเรื่องดังกล่าวคงไม่มีการเสนอหรือรายงานในที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการหรือตำรวจ ก.ตร.ในวันนี้ เพราะเป็นวาระที่ฝ่ายเลขานุการกำหนดไว้ คิดว่าเป็นเรื่องของการประชุม ตนคงไม่ออกมาเปิดเผยอะไร และถ้ามีการเสนอวาระก็ถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสีย คงไม่ได้เข้าพิจารณาด้วย
รรท.ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ส่วนที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ร้องเรียนตนนั้นไม่กังวลและมั่นใจว่าในฐานะรักษาราชการแทน ผบ.ตร. ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจที่มีอยู่ตามที่กองวินัยได้รับรายงานจากคณะพนักงานสอบสวนรายงานคดีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และเสนอความเห็นให้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ส่วนเรื่องร้องเรียนตอนนี้มีกี่เรื่องยังไม่ทราบ สำหรับความคืบหน้าคดี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.สอบถามจาก พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น. 2 ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในหน้าที่ของพนักงานสอบสวนอยู่ ได้รับทราบเพียงเท่านี้
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐยังกล่าวอีกว่า รับทราบเรื่องที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีหนังสือยื่นคัดค้านในเรื่องคณะกรรมการสอบสวนวินัยบางท่านที่มีความยัดแย้ง เรื่องนี้เป็นสิทธิ์โดยถูกต้องและชอบธรรมของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎ ก.ตร. แต่ขั้นตอนต่อไปได้สั่งการให้กองวินัยไปพิจารณาและเสนอความเห็นว่าคณะกรรมการท่านใดขัดต่อคุณสมบัติที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยื่นคัดค้านไปหรือไม่ หากขาดคุณสมบัติจะต้องพิจารณาเปลี่ยนตัว ถือเป็นกระบวนการให้ความเป็นธรรมเป็นการถ่วงดุลระหว่างคณะกรรมการฯกับผู้ถูกกล่าวหา แต่ถ้าฝ่ายวินัยพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่ขัดต่อคุณสมบัติที่กฎ ก.ตร.กำหนดไว้ คณะกรรมการฯจะสอบสวนพิจารณาทางวินัยต่อไป ไม่ได้วางกรอบระยะเวลา เพราะมีกรอบเวลาตามที่กำหนดไว้ตามกฎ ก.ตร.อยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ พล.ต.อ.สราวุฒิในฐานะประธานฯจะสอบสวนพิจารณาตามขั้นตอน ส่วนจะแล้วเสร็จก่อนที่ พล.ต.อ.สราวุฒิจะเกษียณอายุราชการหรือไม่นั้นเรื่องกรอบระยะเวลาเป็นเรื่องภายใน รวมถึงเรื่องการขยายเวลาด้วย พล.ต.อ.สราวุฒิอาจจะสอบสวนแล้วเสร็จก่อนเกษียณอายุก็ได้ หรืออาจจะต้องใช้เวลาในการสอบสวนเป็นระยะเวลานานก็ได้
รรท.ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ส่วนที่ตั้ง พล.ต.อ.สราวุฒิ เป็นประธานฯ เพราะเห็นว่าอยู่ในจุดมีความเป็นกลางที่สุดแล้วเพื่อให้ความเป็นธรรมระหว่างข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับผู้ถูกกล่าวหา ส่วนที่ พล.ต.อ.สราวุฒิให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกตกใจที่ถูกตั้งเป็นประธานคณะกรรมการฯทั้งที่ใกล้เกษียณแล้วนั้นขออย่าใช้คำว่าตกใจ เป็นตำรวจก็ต้องมีหน้าที่รับภารกิจต่างๆ โดยชอบด้วยกฎหมาย และการที่ พล.ต.อ.สราวุฒิไม่มั่นใจว่าจะเสร็จทันก่อนเกษียณนั้น มองว่าไม่มีคำว่ามั่นใจเพราะเป็นเรื่องที่ประธานและคณะกรรมการต้องพิจารณาตามขั้นตอนหรือกระบวนการที่กำหนดไว้ในกฎ ก.ตร. และกฎหมาย หากการสอบสวนไม่แล้วเสร็จก่อนที่ พล.ต.อ.สราวุฒิ เกษียณก็ต้องไปดูในวันที่เกษียณว่ายังเหลือรอง ผบ.ตร.ท่านใดบ้าง แต่ยังยึดหลักความเป็นธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหาเสมอรวมถึงต้องพิจารณาไปตามกฎหมายและระเบียบ ก.ตร.ที่กำหนดไว้ยืนยันว่าจะไม่เข้าไปแทรกแซงเด็ดขาด
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐยังกล่าวปฎิเสธกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เชิญไปให้ข้อมูลที่ทำเนียบรัฐบาลว่ายังไม่ทราบกระแสข่าว ส่วนที่มีกระแสข่าวลูกน้อง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ร้องเรียนว่าถูกทำร้ายร่างกายขณะนี้ยังไม่ทราบ แต่หากเกิดขึ้นจริงมีหลายช่องทางที่ร้องเรียนได้ เช่น คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ หรือ ก.ร.ตร. ร้องเรียนตามระบบต่อผู้บังคับบัญชาของ ตร.ก็ได้ แต่เรื่องนี้ตนยังไม่ทราบรายละเอียด
ขณะที่ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง หนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้น มีระยะเวลาสอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริงภายใน 60 วัน กล่าวว่า ล่าสุดได้เชิญ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.เข้าให้ถ้อยคำแล้วกับคณะกรรมการแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนรายละเอียดไม่ขอเปิดเผยจะนัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในสัปดาห์หน้าจะชี้แจงทุกประเด็น รวมถึงจะตอบคำถามประเด็นเกี่ยวกับเครือญาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ด้วยเช่นกัน ส่วนกรณีที่สอบปากคำ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.กับพวก ไปก่อนหน้านี้นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่มีความคืบหน้าไปบ้าง และหลังจากนี้ไม่มีความ จำเป็นจะต้องเชิญ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กับพวกมาให้ถ้อยคำอีก สำหรับกระแสข่าวว่ามีผู้ใต้บังคับบัญชาของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มาร้องเรียนกับคณะกรรมการชุดนี้ว่าเคยถูกทำร้ายร่างกายนั้น ยังไม่ได้รับรายงานหรือมีการเข้ามาร้องเรียนกับคณะกรรมการ
ต่อมาเวลา 16.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุม ก.ตร. เสร็จสิ้นว่า สาระสำคัญการประชุมวันนี้นอกจากการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิแล้ว ยังมีกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ร้องขอความเป็นธรรมทั้งที่มีต่อตนในฐานะนายกฯ และประธานกรรมการ ก.ตร. ว่าการย้ายไปย้ายมานั้นไม่เป็นธรรม ที่ประชุมได้พิจารณาเพื่อให้เกิดความรอบคอบเป็นธรรมต่อ คกก. ก.ตร. โดยเฉพาะเลขาและกองวินัยตำรวจ มีข้อเสนอว่า เรื่องการขอความเป็นธรรมทั้งหมดจะส่งเรื่องให้ฝ่ายวินัย และฝ่ายกฎหมายไปพิจารณาตรวจสอบให้รอบคอบ นำมาเสนอ ก.ตร.ครั้งต่อไป ยืนยันว่าเรื่องนี้จะพิจารณาให้โปร่งใสสุจริตและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนกระแสข่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ร้องเรียนให้มีการส่งสำนวนคดีเว็บพนันออนไลน์จากสถานีตำรวจ นครบาลเตาปูนไปยัง ป.ป.ช. ด้วยนั้น ไม่มีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวในที่ประชุมวันนี้
นายเศรษฐายังกล่าวด้วยว่า กรณีที่เคยมอบนโยบายให้กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ ต้องจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีรายใหญ่ให้เห็นผลเป็นรูปธรรมให้ได้ภายใน 30 วันนั้น จากการประเมินผลพบว่าเริ่มมีผลงานแล้ว แต่ยังอยากให้มีผลงานมากกว่านี้ พบว่าจับได้บ้างแต่ไม่ใช่รายใหญ่มาก และยังคงให้ไปทำงานต่อไป เพราะเห็นว่ามีการทำงาน
ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีถูกหลอกให้เซ็นคำสั่งย้าย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กลับมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่นายกรัฐมนตรีไม่ได้ตอบคำถามเดินขึ้นรถออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติทันที
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่