เปิดใจ สาวช้ำรัก "กุสุมา-สันป่าเหียง" อดีตคนรัก 9 ปี ปันใจให้ครูโรงเรียนเดียวกัน เผยไม่ตั้งใจให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต เพียงอยากให้เป็นอุทาหรณ์ อยากให้เรื่องมันจบ ทุกวันนี้พยายามมูฟออน
วันที่ 25 เม.ย. 67 มีรายงานว่า จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กสาวรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความร่ายยาวถึงความรัก 9 ปีที่มีต่อแฟนหนุ่มที่เป็นครู ก่อนที่จะถูกหักหลัง โดยเนื้อหาพอสรุปใจความได้ว่า คบหากับแฟนหนุ่มมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยจนถึงปัจจุบันร่วม 9 ปี และตัดสินใจทิ้งครอบครัวและเพื่อนมาอยู่กับเขาเพื่อตั้งใจจะสร้างอนาคตร่วมกันตั้งใจทำงาน ทำโอที เพื่อเก็บเงินสร้างธุรกิจด้วยกัน จนแทบไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเพราะทำงานหนัก
สุดท้ายสังเกตพฤติกรรมของแฟนหนุ่มเปลี่ยนไป เช่น จอดรถนาน เข้าห้องน้ำนาน หลังๆ ชอบคุยถึงหญิงคนนี้บ่อย จึงแอบดูมือถือฝ่ายชายถึงกับอึ้งเจอแชตคุยสาวอื่นแบบลึกซึ้งจนความรักไปต่อไม่ได้ ขณะที่ทางโรงเรียนต้นสังกัด ก็ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้ โดยยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายนั้น (อ่านข่าว สั่งตั้งคณะกรรมการสอบปมฉาว "กุสุมา-สันป่าเหียง" สาวแฉแฟนปันใจให้ครูรุ่นน้อง)
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พบ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 29 ปี สาวเจ้าของโพสต์พร้อมเปิดเผยว่า ตนเองไม่ได้ตั้งใจที่จะให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต หรือจะแฉใคร ต้องการเพียงให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับตนเองและคนอื่นๆ เท่านั้น รวมทั้งต้องการให้เรื่องมันจบ
ทุกวันนี้ก็พยายามที่จะมูฟออนให้ได้ ที่จับได้เพราะว่าพฤติกรรมเขาเปลี่ยนไป เช่น เอารถไปจอดนานผิดปกติ เข้าห้องน้ำนานผิดปกติ ถือว่าเป็นเซนส์ของผู้หญิง และอาจจะเป็นเพราะเราอยู่กันนานถึง 9 ปี จึงรู้ว่าเขาเปลี่ยนไปแบบไหน พอจับได้ก็ให้เขาเลือก ซึ่งในใจตอนนั้นตนเองก็ยังหวังว่าเขาจะเลือกเราและคงจะกลับมาคืนดีกัน แต่เขาก็บอกว่ายังตัดสินใจไม่ได้จึงอยู่ห่างกันสักพัก ส่วนเราก็พยายามที่จะปรับปรุงตัวเอง แต่สุดท้ายก็ไปด้วยกันไม่ได้
...
ส่วนเรื่องร้านกุสุมา ตอนนั้นยอมรับว่าตอนที่ไปเจอกัน ตอนนั้นยังไม่รู้ แต่ก็ไม่อยากพูดถึงอีก เพราะมีหลายอย่างที่เล่าไม่ได้ และไม่อยากพูดถึงตอนนี้ก็คงต้องต่างคนต่างไป แต่อยากจะบอกถึงทุกคนว่าหากจะมีใหม่ก็ควรเลิกกันให้ขาดเสียก่อน ไม่ควรทำคาราคาซังแบบนี้ เพราะทุกคนก็มีหัวใจ เรื่องนี้มันไม่ได้เจ็บแค่คนเดียว ผู้หญิงอีกคนเขาก็เจ็บเช่นกัน อีกทั้งยังมีเรื่องภาระต่างๆ ที่ทำกันมาตอนอยู่ด้วยกันมันก็ยังมีอยู่ สำหรับเรื่องนี้ตนเองก็ถือว่าเป็นบทเรียนชีวิตเช่นกัน.