ก็เพราะมันเน่าในการแก้ไขแบบผิวเผิน ไม่มีทางสำเร็จไปได้ ขนาดว่ามีคำสั่งเด้งระดับบิ๊กถึง 2 คนก็ยังเอาไม่อยู่

พูดง่ายๆว่า ไม่มีผลสะเทือนอะไรแม้แต่น้อย

นายกรัฐมนตรีได้ลงนามคำสั่งย้าย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ไปประจำที่ทำเนียบ และตั้งคณะกรรมการสอบสวน 3 คน ให้เวลา 60 วัน เพื่อหาข้อเท็จจริงในความวุ่นวายที่เกิดขึ้น

ประเด็นก็คือ เรื่องส่วยจากเว็บพนัน

ความจริงเรื่องนี้ที่เห็นกันก็คือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์นั้น ถูกกล่าวหาว่า พัวพันกับการรับเงิน พบจากบัญชีที่โยงไปถึง

ตำรวจที่รับผิดชอบจึงออกหมายเรียก และก่อนหน้านี้ได้มีการตรวจค้นบ้านพัก “บิ๊กโจ๊ก” เพื่อหาพยานหลักฐาน เนื่องจากมีข้อมูลว่า ลูกน้องมีชื่อในบัญชีที่เจ้าของเว็บจ่ายเงินให้

ทำให้ “บิ๊กโจ๊ก” ไม่พอใจ และได้ร้องว่า ถูกกลั่นแกล้ง จนมีการตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่

จากนั้นก็เกิดการตอบโต้ไปมาระหว่าง 2 ฝ่าย จน สตช.วุ่นวายไปหมด จนนายกรัฐมนตรีได้ห้ามฝ่ายข่าว หมายถึงให้ปิดปากหวังว่าเรื่องจะได้สงบ

แต่ก็ไม่เป็นไปเช่นนั้น จึงมีคำสั่งย้ายดังกล่าว

ตอนแรกที่แปลกใจก็คือ ทำไมต้องย้าย “บิ๊กต่อ” ด้วย แต่หลังจากนั้นปรากฏมีการเปิดโปงว่า พัวพันกับการรับส่วยด้วยผ่านทางครอบครัว

ก็เลยร้องอ๋อกัน...ด้วยหรือ?

สงครามในกรมปทุมวันนั้น แม้คู่ขัดแย้งจะไม่ให้ข่าวโดยตรง แต่ใช้สงครามตัวแทนคือ “ทนาย” เคลื่อนไหวในรูปลักษณ์ต่างๆ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์นั้น หลังจากถูกย้ายไปทำเนียบแล้ว ก็ให้ข่าวว่า จะเดินทางไปพักผ่อนที่อังกฤษ แต่ทำไปทำมาก็ไม่ได้ไป

ปรากฏว่า ทนายความที่สนิทสนมกัน ได้เปิดโปงว่า “บิ๊กต่อ” พัวพันกับการรับส่วยด้วย โดยได้แจ้งความไว้แล้ว ไม่ใช่แค่ข้อมูลชุดเดียว แต่พบว่า มีข้อมูลใหม่อีกด้วย

...

ฝ่าย “บิ๊กต่อ” ก็ให้ทนายความแจ้งความอีกฝ่ายฐานหมิ่นประมาท และเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท

ก็เลยเป็นว่าต่างฝ่ายก็มีข้อหาติดตัว เพียงแต่ต้องสอบสวนหาพยานหลักฐานว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างนั้นหรือไม่

เพราะตอนนี้เป็นเพียงแค่ข้อกล่าวหา

แต่ที่แน่ๆคือ ผู้คนทั่วไปในสังคม เกิดความรู้สึกตรงกันว่า ระดับนายตำรวจใหญ่ แทบจะเชื่อใจใครไม่ได้

ไม่รู้ใครจริงใครเท็จ...ว่างั้นเถอะ

ที่ตรงกันอยู่อย่างก็คือ ทั้งสองฝ่ายล้วนธรรมะธัมโม เข้าวัดโน้นออกวัดนี้ และบริจาคเงินทำบุญตลอด

มันเป็นอย่างนั้นเสียด้วย...

ก็เมื่อสภาพของตำรวจเป็นไปเช่นนี้ แล้วประชาชนจะเป็นอย่างไร เพราะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เป็นเสียเองอย่างนี้

แล้วสังคมประเทศจะเป็นอย่างไร?

เป็นความเน่าเฟะที่จะต้องแก้ให้ตรงเหตุ มิใช่ฉาบฉวยเสียแล้ว!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม