พม. ยืนยันไม่ผลักดัน "เด็กต่างชาติ 19 คน" กลับประเทศหากไม่ปลอดภัย พร้อมเผยหากไม่สามารถติดตามครอบครัวได้ จะจัดหาสถานรองรับที่เหมาะสมในการดูแลระยะยาว
จากกรณีข่าวมูลนิธิแห่งหนึ่งใน จ.เชียงราย ส่งเด็กต่างชาติ 19 คน บวชสามเณรภาคฤดูร้อนที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรี ภายหลังเด็กถูกส่งตัวกลับมายังมูลนิธิเดิม ในจังหวัดเชียงราย และเข้ารับการคุ้มครองสวัสดิภาพ ณ บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดเชียงราย
ล่าสุด กระทรวง พม. โดยทีม พม. จังหวัดเชียงราย ร่วมกับ ตม.เชียงแสน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่ามูลนิธิที่รับตัวเด็กไม่มีใบอนุญาตจัดตั้งเป็นสถานสงเคราะห์เอกชนตามกฎหมาย รวมถึงรับบุคคลต่างด้าวไว้ในความดูแลโดยไม่แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย ตม.เชียงแสน จึงส่งตัวเด็กเข้ารับการคุ้มครองสวัสดิภาพตามมาตรการและแนวทางแทนการกักตัวเด็กไว้ในสถานกักตัวคนต่างด้าวเพื่อรอการส่งกลับ ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. 67 เพื่อให้เด็กได้รับการคุ้มครองสิทธิตามกรอบกฎหมายภายในและระหว่างประเทศอย่างเหมาะสม
ทั้งนี้ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ยืนยันว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และรัฐบาลไทย เป็นคู่สัญญาว่าด้วยการปกป้องสิทธิเด็ก ซึ่งเป็นคู่สัญญาที่มีมานานกว่า 30 ปี มีหน้าที่หลักในการดูแลสวัสดิภาพทั้งกายและใจของเด็ก รวมถึงด้านการศึกษาด้วย ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการส่งตัวกลับประเทศต้นทางหากไม่ปลอดภัย
นางอภิญญา ชมภูมาศ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 67 พมจ.เชียงราย บพด.เชียงราย ตม.เชียงแสน และภาคประชาสังคมด้านการคุ้มครองเด็ก ร่วมประชุมทีมสหวิชาชีพเพื่อหารือแนวทางการให้ความช่วยเหลือ โดยมติที่ประชุมให้ชะลอการส่งเด็กกลับครอบครัว เพื่อสืบเสาะข้อเท็จจริงเพิ่มเติม และดำเนินการด้านกฎหมาย ซึ่งมีแผนการดำเนินการ ดังนี้
...
- กรณีเด็กไทย ดำเนินการติดตามครอบครัวของเด็ก ซึ่งถ้าเด็กมีผู้ปกครอง จะพิจารณาคืนเด็กให้ผู้ปกครอง และร่วมกันวางแผนด้านการศึกษา หากเด็กไม่มีผู้ปกครอง เด็กจะได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพจาก พม. และประสานให้เด็กได้เรียนต่อเช่นกัน
- กรณีเด็กต่างชาติ หากพบว่ามีผู้ปกครองหรือญาติที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่งในไทย หรือมีผู้ปกครองเดินทางไป-มา ระหว่างชายแดน และประสงค์ขอรับตัวเด็กกลับไปอุปการะดูแล จะมีการประเมินความพร้อมเพื่อให้มั่นใจว่าเด็กจะปลอดภัย รวมถึงประสานกระทรวงศึกษาธิการเพื่อจัดให้เด็กได้เรียนหนังสือต่อในโรงเรียนประจำในพื้นที่
ทั้งนี้ หากไม่สามารถติดตามครอบครัวได้ พม. จะจัดหาสถานรองรับภาครัฐ/เอกชน ที่เหมาะสมในการดูแลและคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กกลุ่มนี้ในระยะยาว โดย พม. เน้นย้ำให้เด็กได้อยู่กับครอบครัว โดยมีรัฐและองค์กรเครือข่ายช่วยเหลือสนับสนุนให้ผู้ปกครองมีความสามารถในการดูแลเด็กให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความปลอดภัย โดย พม. จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือแนวทางการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กที่อยู่ในสถานการณ์โยกย้ายถิ่นฐาน โดยไม่มีการผลักดันกลับหากไม่ปลอดภัยตามหลัก Non-refoulement และดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามหลักสิทธิเด็กและสิทธิมนุษยชนต่อไป.