โซเชียลสะเทือนใจดันแฮชแท็ก #น้องนุ่น หลังสามีรับสารภาพ เป็นคนลงมือก่อเหตุเอง ขณะที่หลายคนถามเหตุจูงใจในการฆ่า พร้อมเรียกร้องถึงเวลาเพิ่มโทษคนผิดหรือยัง
จากกรณีเพื่อนและครอบครัว ประกาศตามหา น.ส.ชลลดา หรือ นุ่น ที่หายตัวไป โดย นายศิริชัย รักทอง สามี อ้างว่า ได้มีปากเสียงกับน้องนุ่น หลังงานปาร์ตี้วันเกิดเพื่อน ก่อนที่นุ่นจะลงจากรถ ก่อนถึงซอยบ้านเพียงเล็กน้อย แล้วขึ้นแท็กซี่หายไป โดยสามีและแม่ของน้องนุ่น ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว
โดยสามีเผยสาเหตุที่มีปากเสียงกันภายในรถ ก่อนที่น้องนุ่นจะหายตัวไปว่า ทะเลาะกันเพราะน้องนุ่นเอ่ยถึงแฟนเก่าขึ้นมา ทำให้ไม่พอใจ บอกให้หยุดก็ไม่หยุด กระทั่งตบไป 1 ที ก่อนที่น้องจะพยายามเปิดประตูรถขณะที่รถวิ่งอยู่ จนมาถึงคลองประปา รถชะลอได้จังหวะพอดี น้องนุ่นจึงลงจากรถ ซึ่งเขาเป็นแบบนี้ประจำ แต่ก็จะกลับมาเอง แต่ครั้งนี้เขาไม่กลับมา และยังยืนยันด้วยว่า ไม่ได้ฆ่าอำพรางแฟน และยินดีให้ความร่วมมือกับตำรวจ ในการตามหาตัวภรรยา
ต่อมาทางเพื่อนก็ได้อัปเดตว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 20 ก.พ. ยังไม่มีเบาะแสของนุ่น และยังไม่มีใครได้เจอนุ่น พร้อมกับวอนขอให้นุ่นกลับบ้านมาหาลูก แต่เมื่อช่วงค่ำของวันเดียววันนั้น มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าควบคุมตัวสามีของน้องนุ่นที่บ้านพัก เพื่อนำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติม หลังต้องสงสัยว่าจะมีส่วนในการหายตัวของน้องนุ่น
ก่อนที่สามีจะให้การรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าได้ลงมือฆ่าน้องนุ่นจริง และนำศพไปทิ้งที่ จ.ปราจีนบุรี ขณะที่มีรายงานว่า พบศพปริศนาถูกเผาอยู่ที่ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา และยังพบสร้อยข้อมือที่มีลักษณะคล้ายกับที่น้องนุ่นใส่ในวันที่น้องหายตัวไป
...
ล่าสุดวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 ผบก.ภ.จว.นนทบุรี ได้เปิดเผยว่า นายศิริชัย ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ที่ทำร้ายร่างกายภรรยาสาวจนเสียชีวิต อีกทั้งรับสารภาพหมดแล้วว่าได้ทำขั้นตอนไหนบ้าง เชื่อว่าเป็นคำรับสารภาพที่สมเหตุสมผลและเชื่อว่ามีเจตนาฆ่าอย่างแน่นอน
เบื้องต้นเหตุที่ทะเลาะกันมาจากการดื่มสุราและเมา และอาจจะมีการพูดถึงแฟนเก่าของสามี จนเกิดการทะเลาะกันระหว่างเดินทางกลับ กลายเป็นเหตุให้มีการทำร้ายร่างกายกันระหว่างเดินทางกลับบ้าน ตอนนั้นผู้หญิงยังไม่เสียชีวิต แต่มีทำร้ายร่างกายกันอีกครั้งในบ้านพัก โดยใช้ก้อนหินไปทุบที่ศีรษะฝ่ายหญิง (ตรงจุดเกิดเหตุริมถนนแจ้งวัฒนะผู้หญิงยังไม่เสียชีวิต) ขณะไปถึงบ้านมีเหตุทำร้ายร่างกายกันอีกครั้ง ซึ่งฝ่ายผู้เสียชีวิตอาจจะไม่มีเรี่ยวแรงที่จะทะเลาะด้วยเพราะว่าโดนทำร้ายร่างกายสะบักสะบอมมาหนักแล้วในระหว่างทาง ประกอบกับความโมโหและมึนเมาสุรา จนทำให้เกิดเหตุสลด
โดยวันที่นายศิริชัยมาแจ้งความเมื่อตอนนั้น ได้เผาศพไปแล้วตั้งแต่ช่วงเที่ยงของวันที่ 18 ก.พ. ส่วนศพที่พบยืนยันว่าเป็น น.ส.ชลลดา หรือ นุ่น ภรรยาผู้ก่อเหตุ เนื่องจากพบเลสข้อมือเป็นหลักฐานที่ทำให้ยืนยันได้ว่าเป็น น.ส.ชลลดา ซึ่งอยู่ระหว่างประสานกับตำรวจในพื้นที่ปราจีนบุรี ในการชันสูตรพลิกศพยืนยันตัวตนให้แน่ชัด เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา "ฆ่าคนตายโดยเจตนา และซ่อนเร้นอำพรางศพ" ก่อนควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีต่อไป
ซึ่งหลังจากที่มีข่าวออกไป เพื่อนๆ ของน้องนุ่น ผู้สูญหาย ได้โพสต์สเตตัสเดือด โมโหที่เพื่อนถูกทำร้าย รวมทั้งยังแท็กเฟซบุ๊กผู้เป็นสามีน้องนุ่น และด่าทอที่ลงมือฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ขณะที่คนในโลกออนไลน์ ก็แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเป็นจำนวนมาก มีทั้งร่วมไว้อาลัยน้องนุ่นจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แสดงความเสียใจกับทางครอบครัว และกล่าวเห็นใจที่ต้องมาเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ รวมถึงกล่าวตำหนิ และแฉพฤติกรรมของผู้เป็นสามีในช่วงสมัยเรียน เผยแชตที่เคยได้พูดกันในช่วงก่อนเหตุ และหลังเกิดเหตุ พร้อมกับติด #น้องนุ่น จนขึ้นเทรนด์ต่อเนื่องในทวิตเตอร์ (x)
ที่มาจาก ทวิตเตอร์ (x)