หนุ่มช็อก เรียกช่างมาซ่อมตู้เย็นที่บ้าน ออกไปทำงานไม่นานเกิดระเบิด กลับมาถึงเจอสภาพข้าวของเสียหาย โอดบริษัทไม่จริงใจแก้ปัญหาความสูญเสีย
วันที่ 23 ธันวาคม 2566 มีรายงานว่า โลกออนไลน์ได้ให้ความสนใจเรื่องราวจากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ที่ได้โพสต์ภาพและข้อความหลังจากได้ให้ช่างมาซ่อมตู้เย็นที่บ้าน แต่ต่อมาได้เกิดเหตุระเบิดทำให้ได้รับความเสียหาย
โดยระบุข้อความว่า "ศุกร์ 1 ธันวาคม 66 ผมได้เรียกช่างซ่อมตู้เย็นจากศูนย์บริการแห่งหนึ่ง มาซ่อมตู้เย็นที่บ้าน ช่างมาถึงบ้านประมาณ 13.15 น. แจ้งผมว่าต้องซ่อมโดยการเชื่อมด้านหลังตู้เย็น จึงมีการนำอุปกรณ์การเชื่อม, ถังแก๊ส และน้ำยาต่างๆ เข้ามาในบ้าน และเริ่มทำการซ่อม
เวลาประมาณ 13.30 น. ผมได้เปิดประตูห้องครัวเพื่อเข้าไปคุยกับช่างก่อนออกไปทำงานอีกครั้ง ซึ่งผมเห็นช่างกำลังถือท่อเชื่อมซึ่งติดไฟอยู่และได้กลิ่นแก๊ส (ที่บ้านผมไม่ใช้แก๊สในบ้าน) แต่ไม่ได้เอะใจเนื่องจากว่าเห็นว่าน่าจะเป็นกลิ่นแก๊สจากการทำงานเชื่อมของช่าง หลังจากการพูดคุยกับช่างผมก็ขับรถออกจากบ้านเพื่อไปทำงาน
ผมถึงที่ RCA ประมาณ 14.15 น. นั่งคุยกับเพื่อนสักพัก คนที่บ้านก็โทร. มาบอกผมว่าด้วยเสียงที่ร้องไห้และตกใจมากว่าให้รีบกลับมาที่บ้าน ช่างทำอะไรไม่รู้แล้วระเบิดที่บ้านพังหมดเลย ผมรีบขับรถกลับมาที่บ้าน โดยระหว่างทางได้ขอให้ รปภ.หมู่บ้านโทร. แจ้งตำรวจให้เข้ามาที่เกิดเหตุ
เวลาประมาณ 15.00 น. ผมถึงที่บ้านเห็นสภาพบ้านเบื้องต้นคือ
- กระจกห้องครัวแตกและกรอบประตูลอยกระเด็นมาฟาดกระจกประตูบ้านแตก
- หลังคาในส่วนครัวแตกหัก
- ฝ้าในห้องครัวแตกร้าว
- เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ต่างๆ เสียหาย
- โต๊ะกินข้าวขาหัก
- ฝ้าในห้องนอนแตกร้าว
...
- ฝ้าชั้นสองแตกร้าว
- รถยนต์เสียหาย
ผมให้คนที่บ้านเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ได้บอกผมว่า ช่างทำงานอยู่ในครัว แล้วได้ยินเสียงวี๊ดยาวๆ เลยเงยหน้าขึ้นมามอง เห็นกระจกครัวมันปูดบิดเบี้ยวและมีเปลวไฟในครัว จากนั้นก็ระเบิดเสียงดังมาก แรงระเบิดทำให้ประตูห้องครัวลอยมาฟาดใส่กระจกหน้าบ้าน ตกใจมากรีบวิ่งหนีออกมานอกบ้าน ขอให้ รปภ.หมู่บ้านเข้าไปดูเพราะช่างยังอยู่ในบ้านและมีหมาอยู่ในบ้าน (ชั้น2)
หลังจากเกิดเหตุ คนที่บ้านมีแผลจากการบาดของกระจกตามร่างกายตามแขน, ขา ส่วนช่างได้รับแผลจากไฟที่เกิดขึ้นขณะเกิดระเบิดที่แขนทั้งสองข้าง และที่ใบหน้าเล็กน้อย
ระหว่างที่รอตำรวจ ช่างซ่อมตู้เย็นบอกว่า ไฟมันลุกขึ้นมาจากฝาถังแซท (ถังแซทที่บ้านผมจะอยู่ที่พื้นทางเดินในห้องครัวโดยมีแผ่นกระเบื้องปิดไว้สามารถยกออกได้) ช่างได้พยายามให้เหตุผลว่าไฟลุกและระเบิดจากการมีก๊าซไข่เน่าออกมาจากระบบถังแซทของบ้าน ผมได้ตอบกลับว่า บ้านผมอยู่มา 3 ปี "ถ้ามันจะเกิดระเบิดเพราะระบบถังแซทในบ้านผม ช่างเข้ามาเริ่มจุดไฟเชื่อมมันก็ระเบิดไปตั้งแต่แรกแล้ว แต่นี่ช่างนั่งทำงานในห้องครัวมาเป็นชั่วโมงแล้ว มีการใช้แก๊ส มีอุปกรณ์เชื่อม สาเหตุที่ระเบิดมันมาจากการทำงานของช่าง" ในระหว่างนั้นช่างก็ไม่สามารถบอกข้อมูลอะไรเพิ่มเติมได้
เวลา 17.00 น. มีตำรวจจาก สน.บางชัน เข้ามาดูเหตุการณ์ โดยแจ้งว่าต้องให้หน่วยพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจที่บ้าน เวลาประมาณ 20.00 น. หน่วยพิสูจน์หลักฐานได้เข้ามาที่บ้านได้ถ่ายรูปความเสียหาย และเก็บอุปกรณ์ของช่างกลับไปตรวจสอบ
ต่อมา เจ้าของโพสต์ได้อัปเดตอีกว่า "อังคาร 19 ธันวาคม 2566 หลังจากเกิดเหตุช่างซ่อมตู้เย็นจากบริษัทมาซ่อมตู้เย็นที่บ้านผมแล้วเกิดเหตุระเบิดเมื่อ 1 ธ.ค. 66 ทางตัวแทนจากบริษัทดังกล่าวได้แจ้งกับผมว่าจะนำเครื่องใหม่รุ่นใกล้เคียงกันมาเปลี่ยนให้ผม (เนื่องจากรุ่นของผมไม่มีจำหน่ายแล้ว)
จากนั้นวันจันทร์ที่ 4 ธ.ค. 66 ผมได้เข้าไปติดต่อกับบริษัทที่สำนักงานที่ตั้งอยู่ที่ ถ.เพชรบุรี ทางเจ้าหน้าที่ก็รับเรื่องการเปลี่ยนตู้เย็นโดยแจ้งว่าจะติดต่อกลับ
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมาวันศุกร์ 8 ธ.ค. 66 โดยแจ้งผมว่าจะนำตู้เย็นใบใหม่มาเปลี่ยนให้โดยขอรับเครื่องเก่า (เครื่องในรูป) กลับไปด้วย ผมจึงตอบกลับไปว่า "ขอให้สิ้นสุดการสอบสวนหรือเสร็จเรื่องคดีก่อนแล้วค่อยมารับกลับไป เพราะอาจจะต้องตรวจหลักฐานอะไรเพิ่มเติม" ทางเจ้าหน้าที่บอกผมว่า "ต้องรับเครื่องกลับเลยเท่านั้นถึงจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ได้" ด้วยความรู้สึกไม่พอใจผมจึงตอบไปว่า "ทางบริษัทไม่ได้แสดงความจริงใจในการแก้ปัญหาความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับผม เหมือนว่าต้องการปกปิดหรือเล่นเกมอะไรสักอย่างกับผม" ผมจึงปฏิเสธการเปลี่ยนตู้เย็นไป
จนกระทั่งวันนี้ (อังคาร 19 ธ.ค. 66) ทางบริษัทก็โทร. มาติดต่อผมโดยแจ้งเหมือนเดิมว่าต้องนำเครื่องเก่ากลับไปด้วยเท่านั้น ถึงจะนำเครื่องใหม่มาเปลี่ยนให้ ผมจึงถามไปว่า "ทำไมถึงต้องรีบนำเครื่องเก่ากลับทันที" ทางเจ้าหน้าที่แจ้งผมว่า หากผมสงสัยเรื่องนี้ให้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สอบสวนเรื่องนี้
ขอบันทึกฉบับที่ 2 ไว้เท่านี้ก่อนครับ ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ค่อยออก ใครมีอะไรเสนอแนะโทร. หาผมได้นะครับ ขอบคุณครับ"
ทั้งนี้ ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ได้สอบถามความคืบหน้าไปยังเจ้าของโพสต์ เปิดเผยว่า ล่าสุดทางบริษัทยังไม่ได้ติดต่อมา และตนเองได้ให้ทนายเตรียมเอกสาร
อย่างไรก็ตาม หลังจากเรื่องราวดังกล่าวเผยแพร่ออกได้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันก็ต้องรอให้ทางบริษัทดังกล่าวชี้แจงถึงกรณีนี้อีกครั้ง หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป