แม่แสนช้ำ เปิดใจเล่าปมร้อน หลังยกที่ดินให้ลูกสาวครอบครองทำกิน แต่สุดท้ายถูกแจ้งจับข้อหาบุกรุกในวันเกิดตัวเอง
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 14 ธันวาคม 2566 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยกับแขกรับเชิญ คุณวิก คุณหนุ่มผู้ร้องเรียน และทนายเจมส์ ในประเด็นแม่เปิดใจเล่าปมร้อน ยกที่ดินให้ลูก แต่สุดท้ายถูกแจ้งจับข้อหาบุกรุก ในวันเกิดตัวเอง

คุณวิก ผู้เป็นแม่ เผยว่า ตนเองร้องไห้มา 3 ปีแล้ว ลูกสาวเอะอะก็ว่า ให้เงินไปเท่าไรก็เลี้ยงสามี พี่ชายตนเองก็บอกว่าเขาไม่เอาแม่แล้ว คุยกันไม่ได้ ที่ศาลก็ไปไกล่เกลี่ยหลายรอบ โทรไปเขาก็ไม่รับสาย ในคลิปที่เกิดเหตุเป็นวันเกิดตนเอง ซึ่งตรงกับวันรัฐธรรมนูญ อายุครบ 73 ปี ในวันนั้นมันมีห้องเก็บของ ที่เก็บพริกไทย และเก็บของของเขา
ตนเองก็บอกให้คนงานไปตัดกุญแจ เพื่อเก็บของออกมา ลูกสาวเขาก็หาว่าป้าไปบุกรุกที่เขา ว่าไปทำลายข้าวของเขา มีตำรวจมา 1 คน ตอนเช้ามา ร้อยเวรก็มาบอกว่าตนเองกำลังรื้อแป๊บน้ำ ไม่เข้าใจว่าทำไมวันเกิดแม่ ทำไมลูกให้ของขวัญแม่โดยแจ้งตำรวจมาที่บ้านทั้งเช้าทั้งเย็น โมโหมาก แจ้งข้อหาคนงานบุกรุกไปต่อน้ำ ทั้งที่เราจะต่อนำมาใช้ที่บ้าน เพราะลูกสาวตัดน้ำไม่ให้ใช้ สุดท้ายวันนั้นก็จบลง ตำรวจก็กลับไปสถานที่เกิดเหตุ ส่วนที่ร้องเพลง ตนก็ร้องเตือนสติลูกให้สำนึกถึงบุญคุณที่ทำไว้บ้าง ซึ่งมันตรงกับชีวิตป้า ที่ลูกไม่เลี้ยงดูแม่
...
สำหรับที่ดินตรงนั้น เป็นที่ดินที่ตนเองกับสามีบุกเบิกขึ้นมา โดยสามีเขียนพินัยกรรมไว้ว่าให้ลูก 2 คนแบ่งกัน ส่วนที่ดินแปลงอื่น ก็ซื้อไว้เป็นที่ดินโดยใส่ชื่อลูก 2 คน แต่พี่สาวก็ไม่แบ่งให้น้อง ตอนนี้กำลังยื่นอุทธรณ์อยู่ แต่สำหรับที่ดินที่เป็นกรณีตรงนี้ พ่อทำพินัยกรรมไว้ให้แบ่งคนละครึ่ง แต่พี่สาวไม่ยอมแบ่งให้น้อง แม่จึงจะเข้าไปทำในส่วนของน้องตามพินัยกรรม แต่พี่สาวก็กีดกัน เอาลวดหนามมาขึง เอารถยนต์มาขวางบ้างไม่ให้แม่เข้าไป ตนเองก็แบ่งที่ดินโดยขึงลวดหนามเรียบร้อย แต่ก็โดนขโมยลวดหนามเรียบร้อย ซึ่งที่ตรงนี้ยังเป็นชื่อของพ่อเขาที่เป็นเจ้าของมรดกอยู่

ด้าน นิติธร แก้วโต หรือทนายเจมส์ ได้กล่าวว่า สิทธิมันเป็นทรัพย์มรดกที่เป็นชื่อของพ่อ ซึ่งเป็นที่ดิน ศ.ค.1 มีแค่สิทธิการครอบครอง ซึ่งทางคุณป้า ก็ยกสิทธิให้ลูกสาวไป แล้วส่งเงินให้ป้า แต่ตอนหลังป้าไม่ได้ส่วนแบ่ง ก็เข้าไปทำในส่วนครึ่งหนึ่ง แต่เท่าที่ตนเองดู เหมือนพี่น้องมีข้อพิพาทกันอยู่ ที่มองไม่เหมือนกัน แต่คุณแม่ในฐานะที่เป็นคนกลางที่จะเข้ามาตัดสินด้วยการแบ่ง พอเขาไม่ยอมก็มีการแจ้งความ สำหรับประเด็นคือมันเป็นสิ่งของที่อยู่ในที่ของเขา ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินของเขา เราจะไปบุกรุกไม่ได้ ซึ่งหากป้ายกสิทธิครอบครองให้เลย ก็ถือว่าให้เขาไปทำกินได้เลยไม่ต้องแบ่งส่วนแบ่งให้ป้า แต่ถ้ามีเงื่อนไขว่า ยกให้ไปทำกินแล้วต้องแบ่งส่วนแบ่งให้ป้า ก็ถือเป็นการครอบครองแทน

ด้าน คุณวิก ผู้เป็นแม่ เล่าต่อว่า ที่ดินตรงนั้น ตนเองทำมาหากินตั้งแต่แรก แล้วยกให้ลูกสาวไปทำกินดูแลกงสีต่อ แล้วให้ส่งให้แม่บ้าง ซึ่งแรกๆ ก็ส่ง แต่ 2-3 ปีหลังนี้ไม่ส่งแล้ว เขาอ้างว่าแม่ไปมีสามีใหม่ ให้ไปเท่าไรก็เอาไปให้สามีใหม่ สำหรับตนเองนั้น หลังจากสามีเสีย 4-5 ปี ก็ไปมีแฟนใหม่ตอนนี้แฟนใหม่ก็เสียชีวิตไปแล้ว แต่หลังจากตอนเปิดพินัยกรรมเขาก็ไม่ให้แล้ว บอกว่าเอามาเสียค่าใช้จ่ายเรื่องเปิดพินัยกรรม

ด้าน คุณหนุ่ม ผู้ลูกชาย เปิดเผยว่า ตนเองก็ได้คุยกับพี่สาว ตั้งแต่ยังไม่มีเรื่องมีราว บอกเขาว่ามีปัญหาอะไร ทำไมไม่คุยกับแม่ หากมีปัญหาอะไรก็ไปคุยกัน แต่เขาไม่คุย ตนเองจึงต้องมาเปิดพินัยกรรมเพื่อดูว่าสิทธิมันเป็นของใคร
ซึ่ง คุณวิก เผยต่อว่า ตนเองต้องการให้แบ่งไปตามพินัยกรรม ที่แปลงอื่นก็ต้องการให้แบ่งเท่าๆ กันเพราะตนเองใส่ชื่อลูกทั้ง 2 คน ส่วนที่บอกว่าตนเองอยู่กับแฟนใหม่ จึงไม่ยอมส่งเงินให้ ความจริงตอนมีแฟนใหม่เขาก็ส่งให้ แต่ไม่ยอมมาส่งให้ตอนที่มีการเปิดพินัยกรรม เขาไปนั่งตรงไหนก็เอาแม่ไปขาย
ซึ่งการที่ลูกให้เงินมาแล้วก็เป็นสิทธิของแม่ จะเอาไปทำบุญแจกทาน เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวก็เป็นสิทธิของแม่ ทำไมต้องแจ้งลูก ปีนึงได้เงิน 20-30 ล้าน ให้แม่แค่ 1 ล้านนี่ไม่ได้เหรอ พอลำไยแพงก็จะเอา พอทุเรียนแพงก็จะเอา ตอนนี้ตนเองอยู่คนเดียว มีคนงาน ส่วนลูกชายก็วิ่งเข้าวิ่งออก อยู่ไปตามยถากรรม
สวนทุเรียนที่ต้องแบ่งให้น้องครึ่งหนึ่ง ตนเองก็บอกลูกสาวไปแล้วว่าจะมาทำเอง แต่เขาก็ให้คนงานมาทำ บอกว่าพินัยกรรมเป็นโมฆะไปแล้ว หาว่าแม่กับน้องโกงเขา ไปแย่งเขา ตนเองเครียดมาก ถ้าไม่เครียดคงไม่ไล่ตี ขึ้นศาลกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่ยอมอย่างเดียว จะรวบกินทั้งหมด เขาไม่คุยไม่เอาแม่แล้ว ไม่งั้นตนเองจะร้องเพลงหนึ่งเดียวคือแม่หรือ ถ้าลูกสาวดูอยู่ก็คิดว่าฟังหูซ้ายทะลุหูขวา จุดประสงค์คือต้องการแบ่งครึ่งตามพินัยกรรมที่ว่าไว้

ทนายเจมส์ กล่าวว่า การที่พินัยกรรมจะเป็นโมฆะนั้นจะมีบางกรณี แต่กรณีนี้ถ้าเป็นตน จะไม่แนะนำให้คุณป้าไปแบ่งเองแบบนี้ เพราะสิทธิครอบครองมันอยู่ที่เขา ถ้าเรามองว่าทรัพย์มรดกพี่สาวมีสิทธิครึ่งหนึ่ง แล้วเขาอยู่ในฐานะผู้จัดการมรดก การที่ครอบครองทรัพย์มรดกแล้วไม่ยอมแบ่ง ก็ต้องมามองว่าเป็นการครอบครองเบียดบังทรัพย์มรดกหรือไม่ ซึ่งถือเป็นคดีอาญา
สามารถฟ้องได้หลายอย่าง ฟ้องผู้จัดการมรดก ฟ้องยักยอกทรัพย์ หรือฟ้องริบเงินรายได้จากสวนทุเรียนตรงนี้มาไว้ก่อนได้ ซึ่งที่ดินกับต้นทุเรียนนี่แยกส่วนกัน ที่ดินอาจจะเป็นสินส่วนตัวของฝ่ายชายที่ซื้อมาก่อน แต่ต้นทุเรียนถือเป็นกรรมสิทธิ์รวมที่สร้างมาร่วมกัน ดังนั้นรายได้ที่เกิดจากทุเรียนถือเป็นสินสมรสมีส่วนร่วมกัน

เมื่อถามว่าจะแบ่งอย่างไร มันก็ต้องไปวนที่ศาลตัดสิน โดยเฉพาะสิทธิครอบครอง ที่เรามอบให้เข้าไปแล้ว เราไม่มีสิทธิที่จะเข้าไปในที่ดินครอบครองที่มอบให้เขาไป มันก็เลยไปเปิดช่องให้เขาเข้าไปแจ้งความได้
ส่วนของคุณแม่ จะอ้างว่าต้นทุเรียนเป็นสินสมรส ก็ถือว่าแบบนี้ป้าจะมีส่วนครึ่งหนึ่ง โดยต้องแบ่งให้ป้า 50% จากนั้นก็แบ่งให้ลูกทั้ง 2 อีกคนละ 25% ซึ่งต้องดูก่อนว่าที่ดินแปลงนี้สิทธิการครอบครองมันเป็นของใคร พอมอบสิทธิการครอบครองให้เขาแล้ว หากจะเอาคืนก็ต้องแจ้งเขา หากเขาไม่คืน ก็ต้องให้อำนาจศาลจัดการ

สุดท้ายนี้ คุณวิก กล่าวว่า ยืนยันว่าจะอยู่ตรงนั้นบ้านหลังเดิมที่ป้าสร้างมาตรงหลังเก่า อยู่มาตั้งแต่บุกเบิกสวน ตั้งแต่ลูกยังไม่ลืมตาดูโลก ที่มีทางออกอยู่หน่อยหนึ่ง และคิดว่าไม่มีโอกาสคุยกันได้ แม้บ้านอยู่ติดกันมา 3 เดือนก็ไม่เคยคุย บางครั้งเขาก็มีเสียงลอยตามลมไล่ให้ไปหาหมอ เหมือนหาว่าตนเองเป็นบ้า ตอนนี้ไม่มีโรคมีแต่เป็นจอประสาทตาเสื่อมอย่างเดียว ก็ขอบอกกับลูกสาวว่า ยังไงก็เห็นใจแม่บ้าง แม่ลำบากสร้างสวนนี้มา ที่ลูกได้อยู่บ้านหลังใหญ่โต อยู่สุขสบายก็น้ำพักน้ำแรงแม่นี่แหละ ก็ยังรักลูกอยู่เสมอ แต่ก็ไม่รู้ว่าลูกจะรักแม่หรือเปล่า
อย่างไรก็ตาม สามารถติดตามรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" พร้อมกันได้ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 15.30 น. เป็นต้นไป ได้ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32.