ลูกจ้างสาวร้อง ต้องการความช่วยเหลือหลังเกิดอุบัติเหตุขณะทำงานผลิตครีม ด้านโรงงานแจง พร้อมช่วยเหลือเยียวยา และยืนยันมีใบรับรองมาตรฐาน เปิดทำการถูกต้อง

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 8 ธันวาคม 2566 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายคิงส์-พีระวัฒน์ อัฐนาค พร้อมพูดคุยกับแขกรับเชิญในกรณีที่ตำรวจ บุกทลายโรงงานครีมเถื่อน หลังลูกจ้างแจ้งขอความช่วยเหลือโดนน้ำร้อนลวกแผลเหวอะ แต่นายจ้างเยียวยาแค่ 1,000 บาท

คุณออย ลูกจ้างผู้บาดเจ็บ เผยว่า ตอนนี้มีเจ็บบ้างนิดหน่อยเดินได้บ้างแล้ว เรื่องเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 พ.ย. ตนเองสะดุดล้อรถเครื่องจักรหน้าห้องน้ำ ทำให้ล้มหงายหลัง เนื่องจากเดินหันหลัง ซึ่งในกะละมังคือน้ำร้อน ที่เพิ่งออกจากเตา แผลซ้ายล่างคือไปหมดเลย ในตอนแรกที่เข้าโรงพยาบาล ทางเฮียนายจ้างก็มีโทรมาสอบถามอาการ พอพักฟื้นได้ 1 วัน ก็บอกว่าจะให้เสมียนมาเยี่ยมแล้วให้เงินค่ารักษา 1,000 บาท และคืนเงินประกัน 500 พร้อมบอกให้เซ็นสัญญารับเงินและเซ็นใบลาออก

...

แต่ตนเองก็ไม่ยอมรับ ไม่เซ็น พอกลับมารักษาที่บ้าน แล้วปรึกษากรมแรงงานเขาก็มีแนะนำว่าให้ตนเองแจ้งทางโรงงานเพื่อลาป่วย แล้วถ้ากลับไปทำงาน แล้วเข้าไม่ให้ทำ ก็ให้นายเซ็นหนังสือ เพื่อนำไปฟ้องร้องต่อ ซึ่งตนเองก็ทำตามที่เขาแนะนำมา พร้อมถามนายจ้างว่ากรณีแบบนี้ ตนเองไม่ได้อะไรเลยหรือ เขาก็บอกว่าไม่ได้นิ่งดูดาย เดี๋ยวจะฝากเงินมาให้ พร้อมกับนำเอกสารประกันสังคมมาให้เซ็น แต่ตอนที่เซ็นก็ไม่มีใบลาออก  

ด้าน ดร.มนตรี จงไกรรัตนกุล ทนายความเผยว่า กฎหมายประกันสังคม มีกำหนดให้นายจ้างต้องนำสั่งภายใน 30 วัน แล้วต้องมีผลใน 3 เดือน ซึ่งในกรณีของผู้บาดเจ็บ ที่เคยทำงานที่อื่นมาก่อนแล้วมีประกันสังคม แม้จะเพิ่งเริ่มงานที่ให้ได้ไม่กี่วัน ก็ถือว่าต่อได้ เพียงแต่เปลี่ยนนายจ้าง แล้วมีผลคุ้มครองได้เลย 

ขณะที่ คุณเม่น แฟนของผู้บาดเจ็บ เล่าว่าในวันนั้น ตอนที่ดูแลลูกอยู่ แฟนโทรมาหา บอกให้มารับหน่อย เพราะถูกน้ำร้อนลวก ตนเองก็รีบขับรถมาโรงงานเลย ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ซึ่งก็งงว่าผู้ป่วยเจ็บแบบนี้ ทำไมโรงงานถึงไม่พาไปส่งโรงพยาบาล

คุณออย เผยต่อว่า ในตอนที่โดน ก็ได้ล้างน้ำอุณหภูมิปกติ แล้วก็มีพี่พนักงานถามว่าไหวไหม จะกลับบ้านหรือทำงานต่อ ตนเองก็บอกว่าจะกลับบ้าน เขาก็บอกถ้างั้นโทรหาแฟนให้มารับเลย และแนะนำให้ไปหาหมอ ในตอนนั้นตนเองก็นั่นรถ จยย. แฟนไปที่คลินิก แล้วก็ต้องรอส่งตัวไปโรงพยาบาล ทั้งนี้โรงงานไม่มีห้องพยาบาล มีเพียงตู้เก็บยาเล็กๆ ซึ่งทั้งโรงงาน มีพนักงานประมาณ 20-30 คน ในตอนสมัครงานเข้าก็บอกให้ปฏิบัติงานเลย ไม่มีการอบรมอะไร ส่วนวันเกิดเหตุ ตนเองนั่งกวนโลชั่นอยู่ แต่เขาบอกให้ไปช่วยยกของ ก็ไปช่วยก่อนเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีใครประสบอุบัติเหตุแบบตนเอง

ดร.มนตรี กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีของโรงงาน กฎหมายมีการกำหนดชัดเจนว่า ลูกจ้างตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป จะต้องมีเวชภัณฑ์ยาเพียงพอ ส่วนกฎระเบียบในการทำงาน ต้องมีการปิดประกาศในที่เปิดเผย เพราะนายจ้างต้องอบรมก่อน เนื่องจากบริษัทนี้อยู่ในข่ายที่เรียกว่าโรงงานผลิต ต้องมีผู้เชี่ยวชาญที่คอยควบคุม 

ขณะที่ ลูกเจ้าของโรงงาน ได้โทรให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ในวันเกิดเหตุบริษัท จะให้เจ้าหน้าที่พาไปหาหมอ รอเจ้าหน้าที่อยู่ เพราะเขายังไม่กลับมาจากส่งของ แต่ทางแฟนพนักงานมาก่อน จึงให้ไปหาหมอ ซึ่งในระหว่างรอก็มีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ล้างน้ำและประคบให้

สำหรับการยื่นเงื่อนไขลาออก ในตอนแรกเรายังไม่มีการคุยกันที่บริษัท แต่น้องเขาบอกว่าจะขอลาออกได้ไหม จึงบอกว่าอนุญาตให้ลาออกได้ แต่จริงๆ เรากำลังดำเนินเรื่องให้อยู่ ไม่ได้นิ่งนอนใจ มันน่าจะเป็นการเข้าใจผิดกัน เพราะน้องแจ้งว่าขอลาออกก่อน แต่เอกสารที่เอาไปใช้เซ็น ก็ไม่มีใบลาออกให้เซ็น เป็นเพียงเอกสารที่ดำเนินเรื่องให้ ในตอนนี้น้องยังเป็นพนักงานของทางบริษัท สามารถกลับไปทำงานที่บริษัทได้เหมือนเดิม ยืนยันตรงนี้ไม่มีความกดดันแน่นอน เพราะเรามีการติดตามอยู่เรื่อยๆ และมีการแจ้งตั้งแต่ต้น ว่าหากหายดีแล้วก็ให้กลับมาได้ 

เมื่อถามว่าทางบริษัทจะมีการช่วยเหลือเยียวยาอย่างไร ทาง ลูกเจ้าของบริษัท แจ้งว่าจะมีการจ่ายค่าเยียวยาเพิ่มเติมเพราะที่จ่ายไปทั้งหมด 2,500 บาท ให้เป็นค่าช่วยเหลือในระหว่างรักษาตัว ไม่ใช่เงินเยียวยา ทางบริษัทก็มีการดำเนินเรื่องประกันสังคม และกองทุนให้อยู่แล้ว

ในช่วงที่ต้องหยุดงานในระหว่างรักษาตัว เราก็จะมีเงินชดเชยให้หากรักษาตัวกลับมาแล้ว สำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปรักษา สามารถติดต่อทางเรามาได้เลย เพราะไม่รู้ว่าเขาจะไปวันไหนบ้าง ก็จะมีการช่วยเหลือเข้าไป และที่ผ่านมาก็ไม่เคยเรียกตรวจเอกสารรับรองอะไร

สำหรับการอบรมพนักงานก่อนเริ่มงาน ในกรณีนี้ น้องเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่กี่วัน ก็มีการแจ้งกับพนักงานที่ทำอยู่แล้วให้บอกเขา ว่าควรจะต้องทำอะไรอย่างไรบ้าง ในส่วนของป้ายเตือนนั้นไม่มี แต่มีการย้ำแล้วว่าต้องแจ้งรายละเอียดกับพนักงานด้วยให้ระมัดระวัง ในวันนั้นก็ต้องบอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น

สำหรับมาตรฐานความปลอดภัยของสินค้า ในตรงนี้เราทราบดีว่าภาพที่ออกมา เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ในตอนนี้ก็ได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไข ซึ่งภาพที่เผยแพร่ออกไป หลายส่วนก็เป็นเพียงภาพเก่า ที่มีการแก้ไขปรับปรุงมาแล้ว  

สุดท้ายนี้ ดร.มนตรี ได้กล่าวว่า ขอแยกเป็นส่วนๆ กรณีแรกการทำประกันสังคม มีสิทธิประกันสังคม นายจ้างต้องช่วยเหลือเยียวยาในประกันสังคม ส่วนที่สองกรมแรงงานต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะในช่วงที่ลาป่วยหยุดงาน จะต้องได้รับค่าจ้าง จะอ้างว่าทำงานรายวันไม่ได้ เพราะเหตุนี้คือเหตุของการป่วย

สามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะลูกจ้างทำงานให้นายจ้าง นายจ้างต้องร่วมรับผิด จากนั้นก็ไปว่ากันในศาล ซึ่งจะต้องเรียกค่าเสียหายบนพื้นฐานของความเหมาะสม แต่สิ่งสุดท้ายที่ฝาก คือ หากเกิดบาดแผลอะไรก็ตาม ในเรื่องนี้ต้องไปแจ้งความเป็นคดีอาญา เพื่อให้ตำรวจเข้าไปตรวจสอบก่อน ว่ามีการเปิดโรงงานถูกต้องหรือไม่ มีการวาง หรือจัดระเบียบแบบใด ซึ่งนายจ้างจะปฏิเสธการเยียวยาไม่ได้ นายจ้างต้องรับผิดชอบ จะกลับไปทำงาน หรือไม่ทำก็แล้วแต่ แต่ควรใช้สิทธิ์ของคุณ


อย่างไรก็ตาม สามารถติดตามรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" พร้อมกันได้ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 15.30 น. เป็นต้นไป ได้ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32.