มหาวิทยาลัยฯ ชี้แจง ยืนยันไม่ได้ไล่เด็กไปลาออก เพราะกลิ่นตัวแรง หรือไว้ผมยาว พร้อมบอกเหตุผลให้เด็กปรับบุคลิก แม่รับสื่อสารกับลูกผิดพลาด พร้อมโพสต์ขอโทษ
วันที่ 9 พ.ย. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี คุณแม่ท่านหนึ่ง ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ตัดพ้อ หลังจากที่ลูกชาย อายุ 19 ปี ซึ่งเป็นนักศึกษา มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดจันทบุรี ผลการเรียนอยู่ในระดับที่ดีพอควร แต่ถูกอาจารย์เรียกพบบอกให้ลาออกหรือย้ายคณะ อ้างว่าสาเหตุมาจากกลิ่นตัวแรง ผมยาว (รองทรงต่ำ) เรียกผู้ปกครองไปพบเพื่อให้ลาออก แต่ยังไม่ได้ไปพบ พร้อมสอบถามว่าแบบนี้ควรลาออกให้ลูกเลิกเรียนดีไหม เนื่องจากตอนนี้ลูกจิตตกมาก หมดความมั่นใจ ถึงขั้นร้องไห้
ซึ่งหลังจากที่โพสต์นี้ถูกแชร์ออกไป ก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ทั้งให้กำลังใจคุณแม่และน้อง รวมถึงตำหนิอาจารย์ที่ดำเนินการแบบนี้แทนที่จะแนะนำวิธี หรือช่วยนักศึกษาแก้ปัญหามากกว่า
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา ผศ.ไวกูณฑ์ ทองอร่าม อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี เผยถึงเรื่องดังกล่าวว่า ทางอาจารย์ผู้สอน คณะคหกรรมศาสตร์ ซึ่งสอนเด็กคนดังกล่าวอยู่ ได้มีการอบรมนักศึกษาในเรื่องของการแต่งกาย และการปฏิบัติตัวในสังคม เนื่องจากจะเข้าสู่ช่วงของการออกไปฝึกงาน และวิชาชีพการประกอบอาหาร จำเป็นต้องคำนึงถึงความสะอาดเป็นอันดับแรก แต่นักศึกษาไปสื่อสารกับผู้ปกครองผิดพลาด จนเกิดเป็นดราม่าขึ้น
ซึ่งทางอาจารย์ที่ปรึกษาเพียงแต่แนะนำว่า หากไม่ปรับตัวเอง อาจจะทำให้ไม่สามารถออกไปฝึกงานได้ และนั่นอาจทำให้ไม่จบการศึกษา แต่หากจะไม่จบการศึกษา ก็แนะนำให้เปลี่ยนคณะ หรือสาขา ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะควรที่จะเลือกเรียนอะไรที่เหมาะกับนักศึกษามากกว่า
...
ในเบื้องต้น ทางมหาวิทยาลัยได้ติดต่อผู้ปกครองของนักศึกษา ให้เข้ามาพบ แต่ทางผู้ปกครองไม่สะดวกจึงได้คุยผ่านโทรศัพท์ เมื่อคุณแม่เกิดความเข้าใจแล้ว จึงกล่าวขอโทษทางมหาวิทยาลัย
นอกจากนี้ ทางคุณแม่ของนักศึกษา ยังได้โพสต์ข้อความชี้แจงผ่านโซเชียลว่า "ขออนุญาตนำเสนอในเรื่องที่คุณแม่โพสต์เมื่อวาน เรื่องคุณแม่ควรให้ลูกลาออกดีไหมเพราะเรื่องกลิ่นตัวของลูก
คุณแม่ต้องขอโทษสถาบัน ที่โพสต์โดยไม่ได้ไตร่ตรองก่อน อาจทำให้มีความเข้าใจผิดกันไปในมุมกว้าง ว่าอาจารย์ให้ลาออก คุณแม่ได้โทรคุยกับท่านอธิการบดีแล้ว และท่านได้ชี้แจงให้คุณแม่เข้าใจในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
คุณแม่ขอใช้พื้นที่ตรงนี้ ชี้แจงตรงนี้ เพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดต่อสถาบันให้ถูกต้องค่ะ ว่าคุณแม่เข้าใจสื่อสารผิดไปเอง"
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้โทรสอบถามไปยังแม่ของนักศึกษา โดยแม่เผยว่า ไม่คิดว่า จะเป็นข่าวใหญ่ขนาดนี้ ตนยอมรับว่า ได้รับการสื่อสารจากลูกมาผิด โดยที่ไม่ได้สอบถามทางมหาวิทยาลัยก่อน ตนบอกให้ลูกปรับปรุงตัว แต่ลูกก็คงยังปฏิบัติเหมือนเดิม จึงตัดสินใจที่จะให้ลูกลาออก เนื่องจากหากย้ายคณะ อาจมีความกดดันที่จะต้องปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนใหม่ จึงคิดว่าการลาออกน่าจะเป็นทางที่ดีที่สุด.