แรงงานไทยใน "อิสราเอล" รู้สึกดีใจเมื่อเดินทางกลับมาถึงไทย เล่าช่วงที่อยู่ในสงครามต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวง ยืนยันเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลืออย่างเท่าเทียมกัน

วันที่ 11 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีสายการบิน EL AL (เอลอัล) ที่ออกจากท่าอากาศยานนานาชาติเบนกูเรียน กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล มาถึงประเทศไทย ซึ่งพบว่าในผู้โดยสารที่เดินทางมานั้น มีแรงงานชาวไทยที่ได้ไปทำงานในประเทศอิสราเอล 

สอบถาม นายวีรศักดิ์ วงอินตา หรือ นิก ชาวอำเภอหนองสองห้อง จังหวัดขอนแก่น หนึ่งในแรงงานไทยที่ซื้อตั๋วเครื่องบินกลับมากับสายการบินดังกล่าว เปิดเผยถึงความรู้สึกครั้งแรกที่เดินทางถึงประเทศไทยว่า รู้สึกดีใจ ตนเองไปทำงานฟาร์มวัวในพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งสถานการณ์ปกติและที่ได้เดินทางกลับมาวันนี้ เพราะอยู่ทำงานครบสัญญา 5 ปีครึ่ง จองตั๋วล่วงหน้าไว้กลับ 10 กว่าวันแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นความโชคดี

ที่ขอนแก่นมีเพื่อนแรงงานเสียชีวิตหลายคน รู้สึกเสียใจ และสงสาร ข่าวที่อิสราเอลมีเพื่อนแรงงานเสียชีวิตเยอะ แต่ข่าวไม่ออก บางพื้นที่เข้าไปไม่ถึงก็มี ส่วนการใช้ชีวิตที่โน่น ก็ไม่ค่อยได้คุยกับใครในพื้นที่ภาคใต้ เพราะไม่ค่อยมีเพื่อน เห็นแต่ในคลิปที่ส่งต่อมารู้สึกใจหาย และแสดงความเสียใจกับครอบครัวเพื่อนแรงงานที่สูญเสีย

ก่อนจะได้เดินทางกลับประเทศไทย การใช้ชีวิตต้องอยู่แบบระแวง เพราะได้ยินเสียงยิงกันเป็นระยะ ส่วนใหญ่จะชอบยิงกันตอนกลางคืน ทั้งเสียงระเบิด เสียงปืน และรถถัง แคมป์คนงานที่พักอาศัยอยู่ห่างจากพื้นที่สู้รบ ประมาณ 100 กิโลเมตร แต่นายจ้างก็มีแจ้งให้ไปหลบอยู่ในบังเกอร์ ซึ่งเป็นหลุมหลบภัย ได้ยินเสียงไซเรนดังเป็นระยะ  

ส่วนที่มีการบอกว่า การให้ความช่วยเหลือ จะเลือกช่วยเฉพาะกลุ่ม นายวีระศักดิ์เชื่อว่า อิสราเอลให้ความช่วยเหลือได้เท่าจะช่วยตามเบื้องต้น บางพื้นที่ที่ปลอดภัย นายจ้างก็จะเอาแรงงานไทยไปฝากให้อยู่ก่อน ไม่ใช่เอาไปขายต่ออย่างที่เป็นข่าว เมื่อถามว่าอยากจะกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีกหรือไม่ หากสงครามการสู้รบเงียบสงบลง

...

นายวีรศักดิ์บอกว่า คงไม่กลับไปแล้ว เพราะพ่อแม่ไม่ให้ไป ที่บ้านเป็นห่วง แต่ก็แจ้งตลอดว่าพื้นที่ที่ตนเองอยู่ปลอดภัย ครอบครัวก็กังวลติดต่อหาตลอด ส่วนที่เลือกกลับมาทันที ไม่รอกลับมาพร้อมกับการให้ความช่วยเหลือรัฐบาลนั้น คิดว่าคนที่จะได้กลับมาคงเป็นคนที่มีความจำเป็นต้องได้กลับจริงๆ อาจจะได้รับบาดเจ็บ และอยู่ในพื้นที่สู้รบกาซา และกลับมา ก็คงได้ไม่เยอะ ตั๋วเครื่องบินที่ตนซื้อกลับมารอบนี้ ราคา 23,000 บาท

ทั้งนี้ นายวีระศักดิ์ ยังเล่าถึงการใช้ชีวิตของแรงงานไทยในอิสราเอลว่า เงินดี ได้เยอะกว่าทำงานบ้านเรา อยู่ไทยได้วัน 300-400 ที่อิสราเอลได้ค่าจ้างวันละ 2,000 บาท และตลอด 5 ปีที่ทำงาน ก็ไม่เคยเจอกับเหตุการณ์สู้รบที่รุนแรงเท่าครั้งนี้ และไม่คิดว่าจะยิงคนไทยแบบไม่เลือกหน้า ได้ยินคนบอกว่าเข้ามาก็ยิงกระหน่ำเลย ชีวิตแรงงานเลือกไม่ได้ ว่าจะได้ทำงานพื้นที่ไหน อยู่ที่บริษัทจัดหางาน ที่จะจัดพื้นที่ให้ไปลง คนที่ไปอยู่ทางภาคใต้ติดชายแดน หรือ ฉนวนกาซา ก็ต้องรับความเสี่ยง แม้รู้ว่าชีวิตไม่ปลอดภัย ก็ต้องยอมเสี่ยงทำเพราะเงิน

ขณะที่ นายรัฐพงษ์ ไทยแท้ แรงงานไทยอีกหนึ่งคน ที่เดินทางกลับมากับเที่ยวบินนี้ เผยว่า รู้สึกดีใจอย่างมาก ที่เดินทางกลับมาถึงประเทศไทยอย่างปลอดภัย ซึ่งเดินทางกลับมาตามกำหนดครบสัญญา 5 ปีพอดี แล้วได้จองตั๋วล่วงหน้าไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนเหตุผลว่าที่เลือกไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล เนื่องจากต้องการที่จะมีเงินเก็บ

เพราะรู้มาว่าทำงานที่นั่นได้ค่าตอบแทนที่ดี เพื่อที่จะกลับนำเงินมาสานต่อความฝัน ทำสิ่งที่ตัวเองตั้งใจไว้ โดยจุดที่ตัวเองอยู่เป็นทางตอนกลาง ค่อนข้างอยู่ห่างจากจุดที่ปะทะ แต่ในช่วงกลางคืน ก็มักจะได้ยินเสียงปืนเสียงระเบิด แต่ก็ค่อนข้างที่จะปลอดภัย ส่วนเพื่อนแรงงานที่รู้จัก ก็อยากที่จะเดินทางกลับมา แต่ก็ยังคงลังเล และขอดูสถานการณ์ต่อไปอีกซักระยะก่อน 

ด้าน นายพิเชษฐ ทองใกล้ คนไทยที่เดินทางไปแสวงบุญตามรอยพระเยซู บอกว่า ตัวเองไม่ได้ไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล แต่มักจะเดินทางไปตามรอยพระเยซูทุกๆ ปี ที่เมืองเยรูซาเลม ใช้ชีวิตอยู่ประมาณ 10 วัน อย่างครั้งนี้ก็ไปในช่วงเทศกาล "อยู่เพลิง" ต้องบอกว่าจุดที่ตัวเองอยู่นั้น มีความปลอดภัยสูงสุด เพราะอยู่ห่างจากจุดที่มีการปะทะกัน หรือฉนวนกาซา ประมาณ 100 กิโลเมตร แต่ยอมรับว่าได้ยินเสียงปืน เสียงระเบิด 

แต่ด้วยความที่จุดประทับอยู่ออกไปทางชายแดน จึงค่อนข้างไม่มีความกังวล และทุกครั้งที่จะมีการปะทะกันเกิดขึ้น ก็จะมีสัญญาณแจ้งเตือนจากทางการมาตลอด เพื่อให้มีการเตรียมพร้อมเข้าหลุมหลบภัย และระมัดระวังตัวเอง ซึ่งสถานการณ์ล่าสุด ในวันที่เดินทางกลับ ทุกอย่างก็เกือบจะกลับมาเป็นปกติ

โดยเฉพาะบริเวณโดยรอบสนามบิน ก็มีกำลังทหารตรึงกำลังดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด พร้อมยืนยันว่า ขณะนี้ทางประเทศอิสราเอลไม่ได้มีการปิดน่านฟ้า ยังมีเครื่องบินสามารถบินเข้าออกได้ แต่หากสายการบินไหนที่จะต้องบินเข้าไปใกล้กับพื้นที่จุดปะทะ อาจจะต้องถูกยกเลิกเที่ยวบินไป 

เท่าที่ทราบการร้องขอความช่วยเหลือแรงงานไทย ในประเทศอิสราเอลส่วนใหญ่ มีความต้องการที่จะรีบเดินทางกลับ เพราะจุดที่มีการปะทะและมีคนไทยอยู่ ทางกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ มักจะเลือกใช้วิธีทำร้ายแบบไม่เลือกหน้า เลือกชนชาติ

ส่วนกระแสข่าวที่มีออกมาว่าคนไทยได้รับการดูแล ให้ความช่วยเหลือเป็นลำดับท้ายๆ ส่วนตัวคิดว่า ทางเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือดูแลอย่างเท่าเทียมกัน แต่ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว การดูแลอาจไม่ทั่วถึง ไม่ว่าจะเป็นคนต่างชาติ หรือคนในประเทศอิสราเอลเอง.


(ติดตามประเด็น "สงครามอิสราเอล" ได้ที่นี่)