"โปจิ" สมาชิกกลุ่มอุตสาหกรรมเกมก้าวหน้า วอนสังคมอย่าด่วนสรุปไปก่อนว่า "เกม" คือต้นเหตุของปัญหา เพราะอาจทำให้เราไม่รู้ชนวนแท้จริงคืออะไร สุดท้ายก็แก้อะไรไม่ได้
วันที่ 4 ต.ค. 2566 ใน "NewsRoom" รายการทอล์กคุยข่าวในกระแสประจำวัน รวมถึงฮอตแฮชแท็กที่เกิดขึ้นในโลกโซเชียล พร้อมสรุปสาระสำคัญเรื่องที่ต้องรู้ โดยในวันนี้ได้พูดคุยแบบเป็นกันเอง กับประเด็นต่อเนื่อง ที่หลายคนกำลังติดตาม คำถามที่หลายคนคาใจ ชนวนสำคัญที่ทำให้ เยาวชน วัย 14 ปี ก่อเหตุยิงที่ห้างดัง "สยามพารากอน" แท้จริงเกิดจากอะไร พร้อมยังมีการติดแฮชแท็ก #อย่าโทษเกม
โดยหลังจากที่การแจ้งข้อหากับผู้ก่อเหตุ 5 ข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พยายามฆ่า ครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ยิงปืนในที่สาธารณะ ซึ่งในกรณีนี้ เป็นการตั้งข้อกล่าวหาแบบผู้ใหญ่ แต่ผู้ก่อเหตุก็ยังเป็นเยาวชนที่มีกฎหมายคุ้มครองไปนั้น
ในวันนี้ พนักงานสอบสวนก็ได้พา ผู้ก่อเหตุไปแสดงตัวที่ศาลเยาวชน และครอบครัวกลางแล้ว ซึ่งศาลได้ตรวจสอบการจับกุมแล้ว มีคำสั่งพิเคราะห์ว่า ผู้ต้องหากระทำผิดจริง โดยตำรวจได้จับกุมแบบซึ่งหน้า เป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมาย ซึ่งข้อเท็จจริงที่ว่า ผู้ต้องหามีอาการป่วยทางจิตเวชไหมนั้น ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ศาลเห็นควรให้ส่งไปที่สถานพินิจเด็กและเยาวชน เพื่อควบคุมตัวไว้ก่อน ยกเว้นแต่มีการยื่นขอประกันตัว ซึ่งในวันนี้ ผู้ปกครองผู้ก่อเหตุก็ไม่ได้มีการยื่นขอประกันตัว เจ้าหน้าที่จึงได้คุมตัวไปยังสถานพินิจตามคำสั่งของศาลแล้ว
...
สอบถาม นายทักษพล ศรีวชิราวัฒน์ หรือ โปจิ สมาชิกกลุ่มอุตสาหกรรมเกมก้าวหน้า กล่าวถึงกรณีแฮชแท็ก #อย่าโทษเกม ว่า หากสืบย้อนไป ตนเองก็เคยทำสื่อเกมมาก่อนกว่า 20 ปี เห็นพัฒนาการต่างๆ แล้วจะเห็นว่าเวลาเยาวชนก่อเหตุต่างๆ จะบอกว่าเป็นเพราะเกม ซึ่งตนอยากจะบอกว่า จริงๆ แล้ว มันก็เป็นสื่อรูปแบบหนึ่งที่มันเกิดขึ้น ในมุมหนึ่ง มันเพิ่งมาไม่ถึงช่วงอายุคนเลย
ซึ่งในทุกวันนี้ที่บอกว่า เด็กอายุไม่ถึง 20 จะไม่เคยเล่นเกมมาก่อน เป็นเรื่องที่จะรู้สึกแปลก เพราะมันเข้าถึงคนหลายคน ในรูปแบบใด รูปแบบหนึ่ง แล้วในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา พอมีเรื่องเกิดกับเยาวชน ก็มักจะถามว่าเคยเล่นเกมมาก่อนไหม พอรู้ว่าเล่นมา ก็โทษเกม ซึ่งตนจะบอกว่าในแต่ยุคสมัย ก็จะมีการโทษอะไรบางอย่าง อย่าง 15 ปีที่แล้ว ก็เคยเกิดคดีมาก่อน ที่เยาวชนอายุ 15 ปี สังหารแท็กซี่ แล้วอ้างว่าติดเกม ทำให้หลายๆ คนตีขุมไปก่อนว่า ทุกคดีเด็กติดเกม ทำให้เราจะไม่มีวันรู้เลยว่า สาเหตุที่แท้จริงมันเกิดจากอะไร แล้วสามารถแก้ไขในอนาคตได้
สำหรับกรณีของเกมประเภทต่างๆ ในมุมของตนมองว่า สื่อทุกประเภท ต้องการให้คนรู้สึกดำดิ่งกับสิ่งนั้น เหมือนกันทุกสื่อ ซึ่งหากสื่อไหนไม่สามารถทำให้คนรู้สึกไปกับสิ่งนั้นได้ ก็เหมือนว่ามันไม่ประสบความสำเร็จ จึงให้มีเกิดการจัดเรตติ้งตามมา อย่างในเกมที่มีการกล่าวอ้างว่าเด็กเล่นนั้น เป็นสไตล์ให้คนกระโดดมาอยู่ในที่เดียวเดียวกัน
ซึ่งในเกมก็มีการจัดเรตไว้อยู่ที่ 12 ปี แต่ในเคสที่เกิดขึ้น ก็ต้องมาดูว่าสรุปแล้ว น้องเขาเล่นแล้วทำให้เกิดเหตุขึ้น หรือน้องเขามีแพชชั่นในเรื่องอาวุธปืนอยู่แล้ว ซึ่งอาจจะมาแตะเกมนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเป็นเกมดัง แต่เท่าที่ทราบ คือน้องเขาเล่นหลายเกม ดังนั้นจะดูเพียงอย่างเดียวไม่ได้
โดยในบ้านเรา กระทรวงวัฒนธรรมก็จัดเรตติ้ง เพื่อทำให้ผู้ปกครองเช็กได้ว่าอยู่ในช่วงวัยไหน แต่แน่นอนว่ามันก็เหมือนละคร ที่มีการจัดเรตไม่ต่างกัน ซึ่งที่บอกว่าเกมถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ร้ายนั้นไม่ใช่แค่ตอนนี้ เป็นมาตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว จึงกลายเป็นกระแสขึ้นมา และแฮชแท็ก #อย่าโทษเกม ถึงแรงขึ้นมา
ซึ่งตนเชื่อว่าสื่อทุกประเภทมีผลหมด แต่ก็มีงานวิจัยพบ ที่ทดสอบเกมมีผลกระทบกับความรุนแรงไหม พบว่าเกมไม่มีผลระยะยาวขนาดนั้น ต้องขึ้นอยู่กับจิตใจของเขาว่าเป็นคนอย่างไร แต่ในมุมกลับกัน สื่อมันก็แล้วแต่คนจะใช้ โดยคนที่ประสบความสำเร็จหลายคน ก็บอกว่ามีจุดประกายจากเกมก็มี พอเราไปป้ายว่าเป็นความผิดของสื่อสุดท้ายเราจะมองแค่ตรงนี้ โดยไม่ได้มองเห็นสิ่งที่ทำให้มันไม่เกิดขึ้น
ส่วนที่ถามในกรณีที่มีคอมเมนต์ว่าอย่าโทษเกมโดยตรง แต่ก็เหมือนเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ได้อยู่ในสนามที่ทำให้คนไปฝึกซ้อมได้ลองยิงคนจริงนั้น "โปจิ" กล่าวว่า ตนเองขอเล่าในฐานะที่เพื่อนเล่นเกมนี้ ก็ไม่มีความคิดที่จะออกไปยิงคน แต่ถ้าว่าเป็นการฝึกมั้ย ก็คงมีผลกระทบ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดว่าเป็นการกระตุ้น ตนมองว่าเกมนี้เหมือนเป็นที่พักใจของเขา เหมือนเป็นความชอบของเขา หากคุณเป็นคนเล่นเกม จะไม่วิ่งไปในเส้นนั้น
อย่างที่บ้านตน พ่อก็พาไปยิงปืนตั้งแต่ถึงเกณฑ์ ทำให้เรารู้ถึงการใช้อาวุธที่ถูกต้องเป็นอย่างไร และเราก็ไม่รู้ว่าน้องคนนี้ไปเอาอุปกรณ์ต่างๆ มาได้อย่างไร แต่คำถามคืออยู่ในการควบคุมของใครไหม ตนมองว่าตัวเกมเป็นที่พักใจ แต่เขาอาจจะมีแพชชั่นตรงนั้นด้วยหรือเปล่า
ดูจากที่เขาแต่งตัว ก็ไม่ได้ชี้ว่าเขาแต่งตัวเลียนแบบเกม ซึ่งหลังจากมีกระแสเกิดขึ้น ตนก็เข้าใจว่าหลายคนที่ชื่นชอบเกมเดือดเนื้อร้อนใจ ว่าทำไมโดนอีกแล้ว แต่หากถามว่าเหนื่อยมั้ย กับคนที่ตัดสิน วันนี้ดีขึ้นเยอะเลย เพราะ 15 ปีก่อน ไม่มีช่องทางในการชี้แจงแบบนี้ และในตอนนั้นมีความน่าเชื่อถือต่ำ
แต่อย่างไรก็ตาม เกมมันพัฒนาไปสร้างอาชีพได้จริง หลากหลายมาก ในมุนของตนตอนนี้ เกมกลายเป็นอุตสาหกรรมที่ใหญ่มาก เรียกว่ามากกว่าหนังกับดนตรีรวมกันแล้ว อย่างล่าสุดในเคสที่เด็กไปแข่งขัน ได้เหรียญกลับมาก็มีเยอะ โดยในบ้านเราก็มีสมาคมอีสปอร์ตในไทย ที่จัดการแข่งขัน และส่งเด็กไปแข่งขันระดับนานาชาติ
แน่นอนว่า ทุกสังคมก็พยายามที่จะหาคนผิดอยู่แล้ว อย่างในเคสที่เกิดขึ้น มีการชี้ไปก่อนว่าเกมผิด ก็ต้องถามก่อนว่ามันผิดจริงหรือเปล่า ถ้าด่วนสรุปไปก่อนก็ไม่รู้ไปเลยว่าสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร แล้วเราก็จะไม่มีทางแก้ได้เลย
ติดตาม "NewsRoom" สดทุกวันจันทร์-ศุกร์ 18.30-19.30 น. กับ "คิงส์ พีระวัฒน์ อัฐนาค" และ "กาย พงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ" ทางยูทูบไทยรัฐออนไลน์ และเฟซบุ๊กไทยรัฐออนไลน์