สรุปดราม่า #อมรัตน์คุกคามประชาชน เหลือทน บุกหาสาวโพสต์เสียดสี รู้ว่าบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่ก็ต้องพึ่งตัวเอง ยืนยันว่าไม่ได้คุกคาม อีกฝ่ายโต้ ไม่ได้หมายถึง "เจี๊ยบ อมรัตน์" ย้อนกลับเป็นนักการเมือง กินภาษีประชาชน ทนวิจารณ์ไม่ได้ ต้องอยู่บนหิ้ง
วันที่ 20 ก.ย. 66 กลายเป็นกระแสร้อนในโลก ทวิตเตอร์ (X) เมื่อแฮชแท็ก #อมรัตน์คุกคามประชาชน พุ่งติดเทรนด์ สืบเนื่องจากกรณีที่ เฟซบุ๊ก Amarat Chokepamitkul ของ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ได้ออกมาโพสต์ข้อมูลของบุคคลที่ใช้ชื่อว่า ปีใหม่ ซึ่งก่อนหน้ามีการโพสต์ถึงความหมายของคำว่า อมรัตน์ ซึ่งส่อไปในทางดูหมิ่น ก่อนที่นางอมรัตน์ จะแคปข้อความเหล่านั้น มาโพสต์ทางหน้าเฟซบุ๊ก โดยมีแคปชั่นที่เชื่อว่า เป็นข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่โพสต์ ทั้งชื่อเล่น วันเกิด ที่อยู่ และยังบอกด้วยว่า ยินดีให้ข้อมูลเพิ่มเติมชื่อ-นามสกุลจริง ภาพถ่ายและอื่นๆ กับผู้ได้รับผลกระทบจาก toxic และหมิ่นประมาทจากบุคคลนี้ด้วย
...
หลังจากนั้น นางอมรัตน์ ก็ได้มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องทางเฟซบุ๊ก โดยมีการโพสต์ภาพบัตรจอดรถ เพื่อติดต่องานที่บริษัทแห่งหนึ่ง พร้อมแคปชั่นว่า "ไปเยี่ยมนิวเยียร์ที่โรงงานมา ไม่เจอตัวเพราะออกไปหาลูกค้าข้างนอก มีโอกาสพบพูดคุยกับกรรมการบริหารท่านหนึ่ง กับผจก.ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ขอขอบคุณทั้งสองท่านอย่างสูง ที่ใส่ใจและรับปากว่าหลังบริษัทออกหนังสือเตือนให้เซ็นต์รับทราบแล้ว จะช่วยดูแลสอดส่องพฤติกรรมด้วย" และบอกด้วยว่า "เจ้าของ fb twitter นิวเยียร์ยินยอมจะเซ็นต์รับทราบหนังสือตักเตือนจากนายจ้างทัณฑ์บน 1 ปี" รวมถึงยังโพสต์ภาพทาวน์เฮาส์ และข้อความว่า "จากโรงงานก็แวะไปเยี่ยมบ้าน" ด้วย
ซึ่งหลังจากที่โพสต์เหล่านี้ถูกแชร์ออกไป ก็มีบางส่วนเข้ามาแสดงความคิดเห็นในเชิงที่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าวนี้ เนื่องจากมองว่าที่ผ่านมา นางอมรัตน์ถูกโพสต์ต่อว่ามาโดยตลอด แต่อีกฝ่ายก็มองว่า การกระทำแบบนี้เป็นการล่าแม่มด และควรใช้กระบวนการทางกฎหมายเข้ามาจัดการมากกว่า จนทำให้ #อมรัตน์คุกคามประชาชน ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ (X)
อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (20 ก.ย.) นางอมรัตน์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชี้แจงว่า "เช้านี้ถึงแม้จะตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น แต่ดิฉันมีความรู้สึกผิดติดค้างคิดว่าสมควรต้องออกมาขออภัยอย่างจริงใจต่อ toxic ในสังคมออนไลน์ที่ตัวเองมีส่วนสร้างขึ้นเมื่อวานนี้
ดิฉันยืนยันว่าได้ใช้วิจารณญาณและสัญชาตญาณในฐานะมนุษย์ ใช้พื้นฐานประสบการณ์และข้อมูลเพียงพอต่อการตัดสินว่าสิ่งไหนคือ "ภัยสังคม" ภัยสังคมย่อมหมายถึงตัวเองไม่ได้เป็นผู้รับผลกระทบแต่เพียงลำพัง แต่เป็นภัยที่ชาวโลกออนไลน์ประสบร่วมกัน
การกระทำตามวิจารณญาณส่วนตัวนั้นจะผิดถูกดีเลวอย่างไร ดิฉันยินดีรับผิดชอบทั้งทางสังคมและทาง กม. ทุกประการ ดิฉันก็จะพิทักษ์สิทธิ์ตัวเองตาม กม. ต่อไปเช่นเดียวกัน จากนี้ต้อง move on เพื่อไม่เพิ่ม toxic ให้สังคมออนไลน์อีกต่อไป ที่เกิดไปแล้วต้องขออภัยซ้ำอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี ในทางส่วนตัวดิฉันรู้สึกเป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่า ทุกการตัดสินใจมีต้นทุนมีราคาที่ต้องจ่ายอยู่แล้วอันนี้ทราบดีอยู่
อนึ่ง ขอยืนยันว่าในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่ 3 นั้นเป็นไปอย่างสุภาพมีเหตุผล ไม่มีสิ่งใดเลยที่ใกล้เคียงกับคำว่าข่มขู่คุกคามตามที่พยายามมี "กระแสปั่น"
ดิฉันเป็นไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล ไม่มีศักยภาพข่มขู่บังคับใครแน่นอนหากบุคคลที่ 3 ที่เกี่ยวข้องมิได้เห็นพ้องด้วย"
พร้อมอธิบายว่า หลังส่งข้อมูลให้ทางบริษัทเช็กว่าเป็นบุคคลเดียวกันรึเปล่า ในช่วงเช้า ช่วงบ่ายดิฉันเดินทางไปคนเดียว, ใช้บัตรปชช.แลกบัตรเข้าถูกต้อง, ได้รับอนุญาตและได้รับการต้อนรับที่ดี, ได้รับฟังผลการสอบสวนพนักงานบริษัทแล้วรู้สึกพอใจ และลากลับอย่างสุภาพ
ขณะที่ "ปีใหม่" ได้ชี้แจงผ่านรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ ว่าที่ตัวเองโพสต์นั้น ไม่ได้หมายถึง อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล และขอให้ตีความตามตัวอักษร อีเจี๊ยก คือ อีเจี๊ยก
นอกจากนี้ยังบอกด้วยว่า ข้าราชการการเมือง เป็นบุคคลสาธารณะ กินภาษีของประชาชน จะมาเซนซิทีฟแบบนี้ไม่ได้ ประชาชนจะแตะต้องคุณโดยตรง หรือไม่โดยตรง ก็ไม่มีใครเขาลุกขึ้นมาโวยวาย ฟูมฟาย คุณต้องยอมรับให้ได้ หากยอมรับไม่ได้ ต้องไม่เล่นการเมือง ต้องไปอยู่บนหิ้งบูชาก็แล้วแต่
ทั้งยังบอกด้วยว่า ตื่นเช้ามาก็มีเพื่อนแคปโพสต์ส่งมาให้ว่า นางอมรัตน์ โพสต์ชี้เป้ามาที่ตน ยังตกใจว่าทำไมทำแบบนี้ แต่เราก็ไม่ได้ทำอะไร ไปทำงานปกติ กระทั่งก่อนเที่ยง มีคนแคปมาให้ดูว่า เขาตัดข้อมูลบางส่วนออก จากนั้นก็ทัวร์มาลงหนักมาก ซึ่งหากเป็นแบบนี้ เขาก็ควรไปใช้กระบวนการทางกฎหมายจัดการ
และว่าทางเจ้านายเรียกตนเข้าไปพบ หลังจากที่เขาอ้างว่าเราโดนทัณฑ์บน แต่เราไม่ได้เซ็น เพราะเรามองว่า เขาต้องหยุดก่อน ส่วนตัวเราเองอยากทำงานเพื่อบริษัท แต่เขากลับไม่หยุดเลย.
ที่มาจาก ทวิตเตอร์ (X)