ฟังความสองด้าน ดราม่าเจ้าหน้าที่เทศกิจไล่จับพ่อค้า-แม่ค้า ขายของบนสะพานเลียบทะเล ใน จ.ชลบุรี ก่อนเกิดเหตุระทึก พ่อค้าขายปังเย็น ช็อกวูบหมดสติ โคม่า
วันที่ 12 สิงหาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์คลิปวิดีโอเล่าเหตุการณ์ ขณะที่เทศกิจบุกจับพ่อค้าและแม่ค้าที่ขายของบริเวณ สะพานชลมารควิถี จ.ชลบุรี
จนเกิดความชุนมุนวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น แล้วก็เกิดเหตุไม่คาดคิด คุณลุงขายปังเย็นท่านหนึ่ง ได้ช็อกและหมดสติลง เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงต้องช่วยปฐมพยาบาลก่อนหามส่งโรงพยาบาล โดยเจ้าของโพสต์ยังให้ข้อมูลว่า พ่อค้าคนดังกล่าวล้มลงหัวใจวาย อาการตอนนี้ยังโคม่า ทำให้หลังจากคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป โซเชียลต่างร้อนระอุ มาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย
...
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่เกิดเหตุ สะพานใหม่ถนนเฉลิมพระเกียรติ หรือสะพานชลมารควิถี ช่วงวงเวียนควายและวงเวียนเรือใบ จ.ชลบุรี พบกับนายนนท์นลิน มะแสน อายุ 52 ปี พ่อค้าขายหมึกย่าง เปิดเผยว่า บริเวณที่เทศกิจไล่จับนั้น เป็นจุดห้ามขายบนสะพานใหม่เลียบชายทะเล ตั้งแต่ ต.เสม็ด ถึง ต.บางทราย
ส่วนจุดที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ให้ขายของ ต้องเสียเงิน 300 บาท แต่ขายของไม่ค่อยได้ พวกพ่อค้าอยู่ไม่ได้ เนื่องจากคนที่มาเที่ยว ก็จะมาจอดรถชมวิวบนสะพานใหม่กันทั้งนั้น ตนก็ยอมรับว่าทำผิด
แต่อยากให้เจ้าหน้าที่ยืดหยุ่น ช่วยเหลือประชาชนหน่อย พวกตนก็ค้าขายไม่อยากไปเป็นโจร ทุกวันนี้ก็ลำบากมากพอแล้ว ตำรวจบางคนก็วิ่งจับเอาแต่บัตรประชาชน บางคนก็วิ่งจับเอาพ่อค้าแม่ค้า ส่วนเทศกิจก็ทำตามหน้าที่ของเขา
โดยในตอนเกิดเหตุนั้น ลุงคนเจ็บได้ล้มลง ต่อหน้าต่อตาตนเลย แต่มีหมออยู่คนหนึ่งมาอยู่บนสะพานพอดี เลยได้มาช่วยปั๊มหัวใจ และช่วยดูชีพจรของลุงในตอนนั้นรู้สึกว่าชีพจรของลุงไม่มีแล้ว หมอและตนจึงตะโกนบอกให้เทศกิจมาช่วยกันปั๊มหัวใจ ซึ่งตอนนี้อาการลุงคนเจ็บยังวิกฤติ ไม่รู้สึกตัว ตนยังไม่มีเวลาที่จะไปเยี่ยม
ด้าน น.ส.วรรณดี เมืองแก้ว หัวหน้าปลัดเทศบาลเมืองชลบุรี กล่าวว่า เรื่องเมื่อคืนนั้นสืบเนื่องมาจากทางอำเภอ ได้เชิญเทศบาลเมือง ตำรวจ องค์กรปกครองท้องถิ่นพื้นที่ รวมถึงเทศบาลเมืองบ้านสวน เทศบาลเสม็ด เทศบาลเมืองชลบุรี และเทศบาลบางทราย ไปคุยกันให้ทำตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง
คือ ห้ามขายของบนทางสาธารณะ หรือบนถนนสะพานใหม่ ซึ่งเป็นกำหนดออกมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และได้ประกาศ ทำป้ายไปติด ทำใบประกาศไปแจกจ่ายแม่ค้า เพื่อขอความร่วมมือว่าเราจะทำตามกฎหมาย ห้ามจำหน่ายสินค้า บนสะพานตลอดแนว หากฝ่าฝืนจะจับปรับตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา
และก็ดำเนินการมาตลอด ร่วมกับตำรวจ องค์กรปกครองท้องถิ่น เมื่อไปถึงเราจะขอบัตรประชาชน เพื่อคุยกัน หรือไม่ให้เขาหลบหนี แต่ช่วงที่เกิดเหตุ ที่คุณลุงคนดังกล่าวช็อกและหมดสตินั้น คาดว่าน่าจะเป็นโรคประจำตัวจากสอบถามเพื่อนพ่อค้าดู
อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามพ่อค้าแม่ค้าคนอื่น ต่างตอบเป็นเสียงเดียวกันถึงเหตุผลที่มาฝ่าฝืนขายในที่ห้ามขายว่า เขาก็ห้ามขาย แต่จะทำยังไงได้ เพราะไปขายที่อื่นโดนเก็บค่าที่ 300 บาท แต่ก็ขายไม่ได้ จึงต้องมาขายตรงนี้ เขามาเราก็ขี่รถหนี ไม่อยากเผชิญหน้า หนีไม่รอดก็โดนปรับ
เราไม่อยากจะไปเป็นโจร นักท่องเที่ยวเขามานั่งตากอากาศตรงนี้ เขาก็ต้องซื้อกินอันนี้เขาไม่เดินไปซื้อที่อื่น เราจึงต้องมาขายตรงนี้ถึงขายได้พอได้ใช้จ่ายเลี้ยงชีวิตไปวันๆ อยากให้อะลุ่มอล่วยกันบ้าง.
ขอบคุณข้อมูลจากเฟซบุ๊ก