เปิดปากกับภาคภูมิ คุยกับ "สว.กิตติศักดิ์" ยันโหวตเลือกนายกฯ หากไม่มีพรรคก้าวไกล เพราะต้องการให้บ้านเมืองไปต่อ ยันที่ผ่านมาให้โอกาส "พิธา" กับพรรคก้าวไกล พร้อมขอคนไทยอย่าแบ่งฝ่าย

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 2 สิงหาคม 2566 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยกับแขกรับเชิญวันนี้ นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา กรณี "สว. โหวต-ไม่โหวต สูตรไม่มีก้าวไกล-2 ลุง"

นายกิตติศักดิ์ เปิดเผยว่า หากมองในแง่ดี ขณะนี้ประเทศไทยจะเข้าสู่การมีรัฐบาลใหม่ มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ประชาชนจะได้สบายใจ เพราะรอคอยกันมาหลายเดือน ส่วนตัวคิดว่าเป็นข่าวที่ดีของประเทศไทย

ถามว่าเรื่องนี้เป็นธรรมกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ เรื่องนี้ตนมองว่าต้องเอาธรรมะเข้าข่ม ทุกอย่างมีเกิดมีดับ มีคนสมหวัง ย่อมมีคนที่ผิดหวัง ขอให้ยอมรับกติกา และไปสู้กันใหม่ในอนาคตอันไม่ไกลนี้

นายกิตติศักดิ์ กล่าวอีกว่า ขอเรียนตรงๆ เรื่องจัดตั้งสูตรรัฐบาลไม่ใช่หน้าที่ของ สว.ที่จะไปก้าวก่าย ผมเรียนแล้วว่า สว.นายกิตติศักดิ์ มีเหตุมีผล ที่จะไม่สนับสนุนพรรคก้าวไกลมาเป็นรัฐบาล แต่การที่พรรคเพื่อไทยจะไปรวมกับใครนั้น สว.กิตติศักดิ์ต้องให้บ้านเมืองเดินไปได้ และต้องสนับสนุน พูดคำไหนคำนั้น

...

"เราเห็นว่าคุณพิธา ผู้อยู่เบื้องหลัง และพรรคก้าวไกล น่าจะมีนโยบายที่สั่นคลอนกับความมั่นคงของประเทศไทย โดยเฉพาะชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นที่ชัดเจนของสังคมว่า พรรคก้าวไกลนั้นจะไปล่วงละเมิด ม.112 สนับสนุนให้เด็ก เยาวชน ละเมิดกฎหมาย ละเมิด ม.112 ไปแสดงกิริยามารยาทที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะ กิตติศักดิ์ ไม่สนับสนุนให้ผู้ที่คิดไม่ดีต่อชาติบ้านเมือง ดังนั้นคนที่จะมาเป็นรัฐบาล อย่างน้อยต้องมีคุณสมบัติที่ต้องรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และพี่น้องประชาชนด้วยความจริงใจ ไม่มีเรื่องทุจริตเกี่ยวข้อง” นายกิตติศักดิ์ กล่าว

ยืนยันว่า สว.ไม่ได้เป็นคนทำพรรคก้าวไกล แต่พรรคก้าวไกลทำเอง สว.ยังไม่ได้ลงมือกับคุณพิธา แต่คุณพิธาโดนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิ์การเป็น สส. ทาง สว.แค่ดูว่าคุณสมบัติครบหรือยัง ยืนยันว่า สว.ยังไม่ได้ลงมือใดๆ ทั้งสิ้น 

เมื่อถามว่า ถ้าไม่มีพรรคก้าวไกลอยู่ในรัฐบาล สว.จะโหวตหรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ไม่โหวตไม่ได้ เพราะสิ่งที่ผมออกสื่อมาโดยตลอด ผมไม่มีอคติกับคุณพิธา หรือพรรคก้าวไกล แต่พรรคก้าวไกลทำตัวเอง ในส่วนของคุณเศรษฐา ทวีสิน ที่เคยพูดถึงเรื่อง ม.112 นั้น ที่ผ่านมาเรามองว่าโดยรวมยังมีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ดังนั้น เราจึงให้โอกาสคุณเศรษฐาและพรรคเพื่อไทยมาชี้แจง โดยเฉพาะคุณเศรษฐาบอกว่า จะไม่แตะต้อง ม.112 รวมทั้งพรรคเพื่อไทยก็ได้ออกมาชี้แจงแล้ว

ในส่วนของคุณพิธา เราก็เคยให้โอกาสแล้ว แต่ทางนั้นยืนยันว่าไม่ถอย ซึ่งเข้าใจว่าพรรคได้หาเสียงในเรื่องนี้ สาเหตุที่ไม่อยากให้แตะเรื่อง ม.112 เพราะเกรงว่าจะเกิดความแตกแยก เกิดพลังเงียบออกมา ไม่อยากเห็นคนไทยฆ่ากันเอง 

ขณะที่ น.ต.ศิธา ทิวารี แกนนำพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยแยกทางพรรคก้าวไกลว่า ผมไม่อยากให้เกิดขึ้น พยายามให้เป็นไปในทิศทางที่เราอยากให้เป็น แต่มาถึงจุดนี้ ก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว ตนแบ่งประชาชนที่เลือกตั้งเป็น 2 กลุ่มคือ คนไม่เอาลุง ก็จะมาอยู่กับพรรคก้าวไกลกับเพื่อไทยเป็นก้อนใหญ่ กับไม่เอาลุง 

มองว่าในเมื่อเจตนาของคนไม่เอาลุงเลือกแบบนี้ ก็ควรจะเดินกันไป วันนี้เป็นการเบรก MOU เป็นจุดที่ไม่สามารถกลับไปรวมกับก้าวไกลได้อีก เป็นฟางเส้นสุดท้าย จากนี้ต้องมาดูอีกครั้งว่า เพื่อไทยจะไปจับมือกับใคร แต่ถ้าผ่อนหนักเป็นเบา ก็อย่าไปรวมกับลุง ขอภาวนาให้จบอยู่ที่คุณเศรษฐา ถ้าไปรวมกับพลังประชารัฐ กับรวมไทยสร้างชาติ เข้ามาร่วมกับรัฐบาล ส่วนตัวเชื่อว่าไทยสร้างไทย คงไม่ไปร่วม

ถามว่าผิดหวังไหม ผมไม่ได้ผิดหวังและไม่อกหัก เพราะมองเห็นภาพนี้อยู่แล้ว เพราะถ้าเล่นในเกม เขาก็จะต่อรองกันไปเรื่อยๆ และเชื่อว่า สว.เขามีคนในใจอยู่แล้ว ต้องดูเป้าหมายต่อไป 

อย่างไรก็ตาม นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า เรายึดตามรัฐธรรมนูญ ยึดกติกาเป็นหลัก สิ่งที่เป็นไปตามธรรมชาติ เกิดและดับ ทุกอย่างต้องยอมรับและทำใจ ไว้โอกาสหน้าค่อยมาแก้มือใหม่ และขอให้คนเลิกแบ่งฝ่ายประชาธิปไตยกับเผด็จการ เพราะเป็นคนไทยเหมือนกัน ต้องรักสามัคคีกัน.