โซเชียลชื่นชมแก๊งสาวขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง เห็นแม่อุ้มลูกน้อยเดินข้างถนน จึงอาสาไปส่งขึ้นรถกลับบ้าน จ.อุดรธานี พร้อมมอบเงินให้จำนวนหนึ่ง 

วันที่ 31 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์คลิปวิดีโอสุดประทับใจ ขณะช่วยเหลือหญิงอุ้มลูกชายกำลังไปท่ารถที่อยู่ห่างออกไป 7 กม. เพื่อขึ้นรถกลับบ้านที่จังหวัดอุดรธานี ซึ่งขณะนั้นฝนกำลังจะตก

โดยเจ้าของโพสต์ระบุว่า “มีเรื่องน่าอวด วันนี้แน้มและน้องๆ ได้ทำเรื่องน่ารักที่น่าอวดลงโซเชียล พวกเราตั้งใจขับรถมอเตอร์ไซค์พ่วงมากินส้มตำกัน แล้วบังเอิญเจอพี่คนนึง เดินทางด้วยเท้า มีสัมภาระค่อนข้างเยอะ มีลูกเล็กด้วย ฝนก็ตกรินๆ เราเลยถามว่าจะไปไหนพี่ พี่เขาบอกว่าจะเดินไปขึ้นรถที่สามแยก กลับอุดรธานี ไปต่อรถขึ้นรถไฟที่ลำนารายณ์ พี่แกเดินมาจากตลาดวิเชียรบุรี และไกลหลายกิโลกว่าจะถึงท่ารถ แน้มและน้องๆ เลยขออาสาไปส่ง พร้อมกับมอบเงินค่ารถเล็กๆ น้อยๆ ให้พี่และลูกกลับบ้านอย่างปลอดภัย โชคดีนะพี่”

หลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ปรากฏว่ามีชาวเน็ตเข้ามากดไลค์ กดแชร์ต่อ และชื่นชมเป็นจำนวนมาก เช่น “ชื่นชมครับ ทั้งสวยทั้งใจดีเลย, น่ารักมาก โลกน่าอยู่ขึ้น 3000%, คนดีมีความเมตตา ผู้นั้นจะเจริญรุ่งเรืองตลอดไป, สาธุๆๆๆ น่ารักที่สุดเลย, ขอบคุณในความมีน้ำใจขอให้ชีวิตมีแต่ความสุขค่ะ, คนสวยใจบุญ น่ารักที่สุดค่ะ”

...

ต่อมาทราบชื่อเจ้าของโพสต์คือ นางสาวกฤษฎาพร ธรรมม่วงไทย หรือ แน้ม เจ้าของร้านสมพิศไก่สด ตั้งอยู่ที่ ต.ท่าโรง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ เล่าว่า เมื่อช่วงเที่ยงวันนี้ตนและน้องๆ ขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างของที่ร้านเพื่อไปกินส้มตำไก่ย่างกัน ระหว่างทางเจอพี่ผู้หญิงคนหนึ่งเดินอยู่ข้างทาง สะพายกระเป๋าใบใหญ่และอุ้มลูกน้อย ซึ่งตอนนั้นฝนก็รินๆ พวกตนจึงได้ขี่รถเข้าไปถาม ทราบว่าพี่แกอุ้มลูก เดินเท้ามาจากตลาดวิเชียรบุรี ประมาณ 2 กม. เพื่อไปขึ้นรถกลับบ้านที่ท่ารถ ซึ่งห่างออกไปอีก 7 กม. 

ตนจึงอาสาไปส่งที่ท่ารถ และมอบเงินจำนวนหนึ่ง และซื้อข้าว น้ำ ให้ไว้กินระหว่างทางนั่งรถกลับบ้าน ตนเห็นว่าน่ารักดีก็เลยโพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ไม่คิดว่าจะมีคนเข้าชมมากขนาดนี้ ซึ่งตนต้องขอบคุณมากๆ ที่ทุกคนเห็นสิ่งเล็กๆ ที่ตนทำ อ่านแล้วทำให้ตนมีกำลังใจในการทำความดีต่อไป 

นางสาวกฤษฎาพร ยังบอกอีกว่า ปกติตนเป็นคนชอบทำบุญอยู่แล้ว ถ้าเห็นคนเดือดร้อน หรือพอที่ตนช่วยเหลือได้ตนก็จะช่วย โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เพราะสิ่งที่ตนทำ ก็คือกำไรชีวิตที่ทำให้ตนมีความสุข.