โซเชียลเดือด ดันแฮชแท็ก #แสนปิติ พุ่งติดเทรนด์ หลัง "แสนดี" ลูกชายชัชชาติ วิเคราะห์ทิศทางการจัดตั้งรัฐบาลของก้าวไกล ลั่นอย่าด้อยค่าเสียงประชาชน เพราะทุกคนโหวตด้วยความหวัง

วันที่ 17 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ เมื่อแสนดี แสนปิติ สิทธิพันธุ์ อดีตผู้ช่วยหาเสียงของพรรคเพื่อไทย และลูกชายของชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้โพสต์ทุกข้อเกี่ยวกับสถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกล เป็นข้อความภาษาอังกฤษลงในไอจีสตอรี่ โดยสามารถแปลเป็นภาษาไทยคร่าวๆ ดังนี้ 

ผมขอพูดอะไรตรงๆ ในฐานะผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย และมีแนวคิดเดียวกัน

  1. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 จะไม่มีทางเกิดขึ้น
  2. การแก้ไขกฎหมายที่ถกเถียงกันจะไม่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้
  3. พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่มีทางได้เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่มีวัน
  4. ตราบใดที่พรรคก้าวไกลยังฝืนส่งพิธาเป็นนายกฯ คุณจะไม่มีวันชนะ
  5. ก้าวไกลไม่ได้ชนะแบบแลนด์สไลด์ ระหว่างก้าวไกลและเพื่อไทยต่างกันแค่ 10 เสียง ซึ่งตาของคุณจบแล้ว
  6. ส.ว. และคนทั่วไปไม่ได้สนใจข้อเรียกร้อง หรือการประท้วง เพราะ ส.ว. ยังอยู่ในอำนาจต่ออีก 1 ปี เลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าคุณชนะให้ได้สัก 65% เหมือนพรรคไทยรักไทยปี 2548 แล้วผมจะทบทวนจุดยืนตัวเองอีกครั้ง
  7. คุณไม่มีนโยบายเศรษฐกิจที่เป็นไปได้ เพราะนายทุน หรือองค์กรขนาดใหญ่ไม่ต้องการให้คุณมีอำนาจ เกษตรกรต้องการนโยบายที่เขาได้เงินโดยตรง ไม่ใช่แนวคิดเรื่องอุดมการณ์ทางเพศ หรือการปลุกปั่นที่ไร้สาระ
  8. สรุปแล้ว ไม่มีใครต้องการให้ก้าวไกลขึ้นเป็นรัฐบาล มีแค่เด็กหัวรั้น และเด็กที่ดื้อด้านไม่เชื่อฟังเท่านั้น
  9. พรรคก้าวไกลมีอายุแค่ราว 2 ปี แล้วพรรคทำอะไรในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาบ้าง มีแต่โดนคดีความ ผู้นำพรรคที่เป็นผู้บริหารสูงสุด 3 คน ก็ถูกจำกัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี แล้วพิธาก็อาจจะโดนด้วยเหมือนกัน

...

ทั้งนี้ ยังได้กล่าวต่อไปในสตอรี่ถัดไปอีกว่า "พูดให้ชัดขึ้น ผมคิดว่านโยบายพรรคก้าวไกล เป็นอะไรที่มีความเป็นไปได้ มีการเปลี่ยนแปลง และมีความสร้างสรรค์ แต่ผมแค่ไม่ต้องการผู้นำ หรือคนที่เกี่ยวพันกับการประท้วงในปี 2563 ทั้งหมด

ผมยังคงมีจุดยืนมากๆ เรื่องของประชาธิปไตย และไม่ต้องการให้พรรคเพื่อไทยจับมือกับ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ, อนุทิน ชาญวีรกูล และรวมไทยสร้างชาติ ผมแค่ไม่เห็นด้วย เราทุกคนล้วนมุมมองที่แตกต่างกัน สำหรับประเทศไทยตอนนี้"

ซึ่งหลังจากข้อความและภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ต่างมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในข้อที่ 8 ที่พูดถึงกลุ่มคนที่ต้องการให้ก้าวไกล เป็นรัฐบาลนั้น มีแค่เพียงกลุ่มเด็กวัยรุ่น ซึ่งส่วนใหญ่มองว่าดูแบบความคิดที่ดูถูกกลุ่มคนที่ตั้งใจไปเลือกตั้ง พร้อมกับติดแฮชแท็ก #แสนปิติ และแฮชแท็ก #แสนดี จนขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทางทางเฟซบุ๊ก Sanpiti Sittipunt ได้โพสต์ข้อความชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ โดยสรุปได้ว่า ผมเขียนข้อความ เพื่อแสดงความขอโทษอย่างจริงใจ สําหรับการแสดงความคิดเห็นของผม ที่มีต่อพรรคการเมือง และบุคคลต่างๆ ผมอยากจะขอโทษ ที่สร้างความรู้สึกไม่ดีให้กับสาธารณชน

ผมเสียใจกับการกระทําของผม และอยากจะอธิบายว่า ผมแค่พยายามที่จะแสดงความคิดเห็นของผม ไม่ได้ส้รางความเกลียดชังต่อบุคคลใด ๆ ผมขอโทษจากใจจริง ที่ทําให้เกิดความรู้สึกยากลําบาก ต่อไป ผมยินดีที่จะรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น พร้อมกับการเรียนรู้จากทุกคน ขอโทษจากใจจริง.

ขอบคุณข้อมูลจาก ทวิตเตอร์, เฟซบุ๊ก Sanpiti Sittipunt