แม่เจ็บหัวใจ ลูกชายวัย 5 ขวบ ถูกครูตีตัวช้ำทั้งตัว เพียงเพราะบวกเลขไม่ได้ ล่าสุดคุณครูมาขอโทษ ยอมรับว่าทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ พร้อมยื่นหนังสือลาออกแล้ว
วันที่ 3 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊ก Rung Nanticha ได้โพสต์ภาพรอยแผลตามตัวลูกชาย พร้อมระบุข้อความว่า ดวงใจแม่ แม่เลี้ยงมาบ่เคยตีลูกขนาดนี้ ถ้าขนาดนี้ ก็พอกันที ลูกอยู่แล้วโดนขนาดนี้ แม่เจ็บยิ่งกว่า ครูจะอธิบายเรื่องนี้ยังไงใครรับผิดชอบ ลูกใคร ใครก็รัก
ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง ต.แม่พุง อ.วังชิ้น จ.แพร่ พบกับ นางสาวนันทิชา โสดา ผู้โพสต์ข้อความดังกล่าว พร้อมกับสามี นายสมโภช แสงกลิ่น นายเนียร โสดา ผู้เป็นตา และเป็นคนดูแลเด็กชายที่บาดเจ็บ เล่าว่า หลานชายเรียนอยู่ที่โรงเรียน อบต.แม่พุง บ้านวังกวาง อ.วังชิ้น จ.แพร่ ในระดับชั้นอนุบาล 3

โดยวันที่เกิดเหตุ ช่วงเย็นหลังจากกลับจากเลิกเรียน น้องได้ถอดเสื้อจะอาบน้ำ แต่ร้องบอกว่าเจ็บ ตนจึงช่วยถอดเสื้อให้ก็พบรอยบาดแผลตามแขนขวาน้อง และหัวไหล่ น้องบอกว่าโดนครูตีเพราะบวกเลขแต่ทำไม่ได้ ตนเองจึงรีบโทรบอกแม่และพ่อน้องให้รีบกลับมาดู ซึ่งตอนนี้ตนยืนยันจะไม่ให้หลานกลับไปเรียนที่โรงเรียนแล้ว กลัวว่าจะถูกทำร้าย หรือกลั่นแกล้งอีก จะให้ย้ายโรงเรียน เพราะตั้งแต่เลี้ยงมาก็ไม่เคยตี หรือทำโทษหลานรุนแรงขนาดนี้ จะเอาอะไรกับเด็กแค่อนุบาล 3
...
ด้านนางสาวนันทิชา โสดา ผู้เป็นแม่ เผยว่า หลังทราบเรื่องตนทำงานอยู่ต่างจังหวัด จึงรีบเดินทางกลับมาหาลูกทันที ก็สอบถามลูกว่าโดนเพราะอะไร เขาก็เล่าว่าโดนครูตีเพราะไม่ยอมเขียนเลข บวกเลขไม่ได้ ครูจึงตี ตนเองจึงติดต่อไปหาครูประจำชั้นสอบถามว่าวันนี้น้องซนไหม ครูตอบว่าน้องซน ไม่ยอมเขียนหนังสือเลย

แม่จึงถามครูว่าได้ตีน้องไหม ครูบอกตีที่มือเบาๆ แม่จึงส่งภาพของน้องที่มีบาดแผลไปให้ดู ตอนแรกไม่ยอมรับ แต่พอเห็นภาพก็ยอมรับว่าทำน้องจริง และขอโทษที่ทำแรง จนกระทั่งตอนเช้าครูก็เข้ามาขอโทษที่บ้าน แต่ตนเองเลี้ยงลูกมาไม่เคยตีลูก จะพูดคุยกับน้องเขาด้วยเหตุผลตลอด
การตีนักเรียนตนเองอนุญาตให้ตีได้ไม่ว่า แต่ครั้งนี้รุนแรงไปไหม เด็กแค่ชั้นอนุบาล 3 ทำไมต้องทำร้ายรุนแรงกันขนาดนี้ หลังจากที่ตนเองโพสต์เฟซบุ๊กไปก็มีคนเข้ามาคอมเมนต์ และบอกลูกว่าเขาก็เคยโดน ต้องย้ายโรงเรียน นอกจากนั้นผู้ปกครองหลายคนก็บอกว่าเคยโดนครูทำร้ายเช่นกัน แต่ไม่ถึงขนาดที่น้องโดน เพราะหลังจากเกิดเรื่อง ครูคนนี้ก็จะเข้าไปขอโทษที่บ้านเรื่องก็จบ

ด้านนายสมโภช แสงกลิ่น ผู้เป็นพ่อ กล่าวว่า อยากให้โรงเรียนช่วยเพิ่มการสอดส่อง และมาตรการลงโทษเด็กมากกว่านี้ ลูกของใครเขาก็รัก การลงโทษเด็กก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ควรลงโทษให้เหมาะสม อย่ารุนแรงจนเกินไป ซึ่งตนได้ประสานไปยัง นายลวน ใจเอ้ย นายก อบต.แม่พุง และนำภาพให้ดูแล้ว ก็บอกว่าทำแรงเกินกว่าเหตุ และจะเรียกครูมาประชุมและสอบถามข้อเท็จจริงอีกครั้ง

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่พบกับ นายลวน ใจเอ้ย นายก อบต.แม่พุง และนางสายทิพย์ ติ๊บหล้า ผอ.กองการศึกษาและวัฒนธรรม อบต.แม่พุง รักษาราชการแทน ผอ.ร.ร.อนุบาล อบต.แม่พุง เผยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าโรงเรียนเป็นความรับผิดชอบของอบต.
ปัจจุบันมีนักเรียนตั้งแต่ระดับเตรียมอนุบาล จำนวน 25 คน และอนุบาล 1 - อนุบาล 3 ทั้งหมด 106 คน แต่ละระดับชั้นมีครูประจำชั้น 2 คน ที่คอยดูและสลับกันสอนคนละอาทิตย์ ในวันเกิดเหตุคุณครูที่ทำโทษเด็กมาช่วยประกบสอนน้องตัวต่อตัว เนื่องจากน้องเรียนไม่เข้าใจ และไม่ร่วมกิจกรรม ซึ่งทางเราก็ยอมรับว่าการทำโทษเด็กนั้นทำรุนแรงเกินกว่าเหตุจริง

นายลวน ใจเอ้ย เผยต่อว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่วันศุกร์ ที่ 1 ก.ค. 66 ที่ผ่านมาแล้ว หลังทราบเรื่องก็ได้สอบถามครู และทำการตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยจะสอบสวนในวันอังคารที่จะถึงนี้ เบื้องต้นครูคนดังกล่าวบอกว่ารู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยอมรับในความผิดพลาด รวมถึงทำหนังสือขอลาออก และมีผลตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. 66 ทาง อบต.เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น หลังจากนี้จะถอดบทเรียน และนำมาแก้ไขเพื่อให้มีการลงโทษด้วยไม้เรียว แต่เปลี่ยนเป็นลงโทษด้วยวิธีอื่นแทน.
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Rung Nanticha