อดีตทีมงานรายการ The Ghost Radio "วีวี่" เล่านาทีโดน "มิจฉาชีพ" หลอกทำภารกิจ จนสูญเสียเงิน 560,000 บาท ภายใน 1 วัน พร้อมเผยสาเหตุที่โอนเงินเร็ว

เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (สอท.1) กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กทม. น.ส.ศุภณัฐ ดำรัสสิริ หรือ วีวี่ อายุ 40 ปี อดีตทีมงานรายการ "The Ghost Radio" ซึ่งเป็นรายการเล่าเรื่องผีชื่อดัง ได้เข้าให้ปากคำกับ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 กรณีถูกมิจฉาชีพหลอกให้รีวิวสินค้าในแอปพลิเคชันแล้วจะได้ค่าคอมมิชชั่น พร้อมให้ร่วมภารกิจเพิ่มยอดขายด้วยการฝากเงิน แล้วจะได้โบนัส 10 เปอร์เซ็นต์ แต่ต้องจ่ายค่าสมัครสมาชิกก่อน จะได้เงินคืนต้องปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จก่อน จนสูญเงินไป 560,000 บาท ซึ่งได้แจ้งความเบื้องต้นที่ สน.ห้วยขวาง ไว้ก่อนแล้ว

น.ส.ศุภณัฐ หรือ วีวี่ กล่าวว่า พฤติการณ์ของกลุ่มมิจฉาชีพนี้ จุดเริ่มต้นมาจากการที่ได้รับติดต่อให้รีวิวเสื้อผ้า โดยจะมีการส่งเสื้อผ้ามาให้และถ่ายรูปรีวิวสินค้า โดยโอนเงินเป็นค่าตอบแทน และมีการแอดไลน์จากเจ้าหน้าที่อีกฝ่าย เพื่อถามชื่อและสัดส่วนในการส่งสินค้าให้แล้วดึงเข้ากลุ่มที่มีคนรีวิวสินค้า

...

จากนั้น มีการให้โหลดแอปพลิเคชันเทเลแกรม เพื่อดึงเข้ากลุ่มที่มีจำนวนสมาชิกกว่า 300 คน ซึ่งมีการพูดถึงเรื่องการได้รับเสื้อผ้า และนำมารีวิวแล้ว โดยเป็นการคุยที่เยอะมาก จู่ๆ ในแชตก็มีคนกดเลขหนึ่งซ้ำหลายๆ ครั้ง จึงสงสัยและไปถามคนที่ดึงเข้ากลุ่ม ก็ได้คำตอบว่าเป็นการยืนยันรับภารกิจเพิ่มยอดขาย มีตัวเลือกให้สามตัวเลือก วงเงินแตกต่างกัน โดยต้องสำรองเงินไปก่อน ซึ่งขั้นต่ำอยู่ที่ 500 บาท และจะได้กลับคืนมาตามที่เลือกไว้ ตนจึงดูคนในกลุ่มส่งสลิปโอนเงิน และมีคนได้เงินคืนจริง จึงโอนเงินตาม จากนั้นก็มีข้อความระบุมีภารกิจที่สองขึ้นมา ซึ่งหากปฏิเสธการเข้าร่วมภารกิจเกินสามครั้ง ก็จะถูกดึงออกจากกลุ่มทันที

ทั้งนี้ จึงได้โอนเงินเพิ่มขึ้นในภารกิจที่ 2 และ 3 ซึ่งก็ยังได้รับค่าคอมมิชชั่นคืนมาตามที่มีการแจ้งไว้ ในวันต่อมาได้มีภารกิจใหม่เข้ามาในวงเงินหลักหมื่น โดยจะได้รับค่าคอมมิชชั่นกลับมา 50% จากยอดเงินที่โอนเข้าไป เมื่อเห็นคนอื่นโอน และส่งสลิปลงในกลุ่ม ตนก็โอนตามไป ยอมรับว่าไม่ได้ฉุกใจว่าคนในกลุ่มดังกล่าวเป็นหน้าม้าหรือไม่ เพราะมีบางรายได้ทักแชตมาคุยส่วนตัวถึงกลุ่มดังกล่าวว่าเป็นกลุ่มที่เชื่อถือได้หรือไม่

เมื่อโอนเงินหลักหมื่นในครั้งนี้แล้ว แอดมินที่ดึงตนเข้ากลุ่มก็ทักแชตส่วนตัวระบุว่า จะดึงตนเข้ากลุ่มวีไอพี เพราะวงเงินสูงขึ้น จากนั้นตนจึงถูกเชิญออกจากกลุ่มเดิมที่มีสมาชิก 300 คน และถูกเชิญเข้ากลุ่มวีไอพีที่มีสมาชิก 5 คน โดยส่วนตัวไม่อยากเล่นภารกิจแล้ว และอยากได้เงินคืน เพราะตอนนี้จำนวนเงินอยู่ที่ 20,000 บาท จึงสอบถามไปยังแอดมินว่าต้องทำอย่างไร อีกฝ่ายก็ระบุให้ทำภารกิจเพิ่ม โดยการโอนเงิน 70,000 บาท เพื่อรับเงินคืน

ขณะที่ตนอยากได้เงินคืน และไม่คิดว่าเป็นมิจฉาชีพ จึงตัดสินใจโอนเงินไป และต้องโอนเงินให้ครบทั้งห้าคน เมื่อผ่านภารกิจที่หนึ่งแล้ว จากนั้นแอดมินก็ให้ทำภารกิจที่ 2 โดยให้โอนเงินอีก 160,000 บาท โดยคนในกลุ่มเริ่มมีการโวยวายขึ้น ขณะนั้นตนก็ยังไม่ฉุกคิดว่าเป็นมิจฉาชีพ ต้องการเพียงเงินคืนเท่านั้น และหากไม่โอนเงินในภารกิจที่สอง ตนก็จะไม่ได้เงิน 90,000 บาท ที่จ่ายไปก่อนหน้านี้คืนมา

น.ส.ศุภณัฐ กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ตนจึงต้องไปหาเงินมา 160,000 บาท เพื่อโอนไปให้อีกฝ่าย แต่ก็ได้รับคำตอบว่ายังไม่เสร็จสิ้นภารกิจ และถูกให้ทำภารกิจที่ 3 โดยการให้โอนเงิน 300,000 บาท เพื่อแลกกับการที่จะได้เงินคืน 1 ล้านกว่าบาท ตนหลงเชื่อจึงไปหาเงินมาโอนให้ แต่สุดท้ายได้รับคำตอบว่าทั้งหมดทำภารกิจไม่สำเร็จ เพราะทั้งห้าคนโอนเงินไม่ตรงตามเวลาที่กำหนด จึงจะให้โอนเงินเพิ่มอีก 500,000 บาท ซึ่งขณะนั้นตนไม่มีเงินแล้ว และเริ่มรู้ตัวแล้วว่าโดนหลอก จึงไม่ยอมโอนเงินให้อีก

อย่างไรก็ตาม การสูญเสียเงินทั้งหมดเกิดขึ้นภายใน 1 วันเท่านั้น และสาเหตุที่ตนโอนเงินเร็ว เพราะอีกฝ่ายให้เวลาในการทำภารกิจเพียง 7 นาที หากทำไม่ทันเวลา ภารกิจจะล้มเหลว และไม่ได้เงินคืน จึงทำให้ไม่มีเวลาฉุกคิดหรือปรึกษาใคร ส่วนภารกิจที่มิจฉาชีพให้ทำคือการโอนเงินเพื่อกระตุ้นยอดขาย จากนั้นมีการส่งลิงก์มาให้กดสินค้าลงตะกร้าออนไลน์เพื่อสั่งซื้อ เป็นการกระตุ้นยอดขายให้ร้านค้า

ส่วนสินค้าที่เป็นเสื้อผ้าที่บอกว่าจะให้ตนรีวิวให้นั้น จนขณะนี้ก็ยังไม่เคยได้ใส่ ที่ผ่านมาติดต่อผ่านการแชตเพียงอย่างเดียว ไม่เคยมีการโทรศัพท์พูดคุยกันเลยสักครั้ง ส่วนบุคคลอีกสี่คนในกลุ่มวีไอพี ตนมาทราบภายหลังจากที่ไปดำเนินเรื่องที่ธนาคาร ว่าในวันดังกล่าวได้มีใครโอนเงินเข้าบัญชีที่ตนโอนหรือไม่ ซึ่งปรากฏว่ามีเพียงตนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่โอนเงินให้ จึงเชื่อว่ากลุ่มคนในห้องวีไอพี เป็นหน้าม้าที่มาหลอกให้ตนหลงเชื่อ

ทางด้าน พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ กล่าวว่า ในเรื่องนี้หลังเกิดเหตุทางผู้เสียหายได้แจ้งความไว้ที่ สน.ห้วยขวาง และแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ไว้แล้ว โดยวันนี้พนักงานสอบสวน บก.สอท.1 นัดหมายมาให้ปากคำอย่างละเอียด เพื่อสอบสวนในการติดตามเส้นทางเงินจากบัญชีม้าของมิจฉาชีพรายนี้ ซึ่งเบื้องต้นทราบตัวตนเจ้าของบัญชีม้าแล้ว 2 คน อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีและขยายผลหาความเชื่องโยงในกลุ่มขบวนการมิจฉาชีพกลุ่มนี้ เพื่อสาวให้ไปให้ถึงต้นตอ โดยรับปากว่าจะติดตามทำคดีนี้ให้ดีที่สุด.